อ.ทนัญ โหราศาสตร์ไทย ระบบธาตุ

18 กันยายน 2563

ความสำคัญของการอ่านพื้นดวง

            เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปเห็นในการแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความรู้ด้านโหราศาสตร์ และเห็นผู้กล่าวแนะนำในทำนองว่า “ไม่ต้องไปอ่านพื้นดวงให้มากนัก เพราะดวงจรจะบอกสิ่งที่เกิดในปัจจุบันและอนาคต ส่วนพื้นดวงไม่สำคัญเท่าไหร่” เมื่อผมอ่านคำตอบแบบนี้ก็รู้ได้เลยว่าคนที่แนะนำคงจะไม่สามารถพัฒนาความรู้โหราศาสตร์ของตนไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างแน่นอน

เหตุผลเพราะอะไร... ทำไมผมคิดเช่นนั้น

ก็เพราะพื้นดวงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำนายดวงชะตา อย่างน้อยการอ่านพื้นดวงก็เป็นการฝึกฝนในขั้นต้นที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ และการจะทำนายจรได้ถูกต้องนั้นควรจะตีพื้นดวงให้แตกเสียก่อน พื้นดวงจะเป็นตัวบ่งบอกถึงอุปนิสัยและพฤติกรรมของเจ้าชะตาว่าเป็นคนอย่างไร เช่น เป็นนักสู้ , เป็นคนมีความอดทน , เป็นคนมีสติปัญญา , เป็นคนโลเล หรือเป็นคนท้อถอยง่าย ฯลฯ เมื่อเรารู้ว่าเจ้าชะตามีอุปนิสัยอย่างไรก็จะสามารถทำนายได้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์จากดาวจรในลักษณะไหน อาทิคนที่มีพื้นดวงแสดงถึงการเป็นนักสู้เมื่อมีดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะหาทางฟันฝ่าอุปสรรคอย่างเต็มที่ หรือถ้าเป็นคนมีความอดทนเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะสามารถยืนหยัดอดทนต่อความยากลำบาก หรือถ้าเป็นคนที่มีสติปัญญาเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะสงบนิ่งแล้วใช้ความรู้ที่มีเพื่อหาวิธีแก้ไข และสุดท้ายถ้าเป็นคนที่ท้อถอยง่ายเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะยอมแพ้กับโชคชะตาและมีชีวิตอยู่กับความทุกข์ระทม

การอ่านพื้นดวงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนเป็นเวลานาน และการจะผ่านถึงขั้นอ่านพื้นดวงได้แตกก็ต้องมีประสบการณ์การอ่านดวงครูหลายสิบดวง(บางคนอาจเป็นร้อยดวงเลยก็ได้) และหากมีครูคอยชี้แนะขัดเกลาก็จะทำให้เรียนรู้ได้เร็วกว่าการฝึกฝนด้วยตนเอง แต่ถึงแม้จะมีดวงครูเป็นสิบเป็นร้อยหากผู้เรียนไม่มีความเข้าใจพื้นฐานของหลักวิชาก็คงจะเปล่าประโยชน์ ดังนั้นการเรียนโหราศาสตร์ให้ได้ผลดีจะต้องทำความเข้าใจให้มากๆ หากผู้เรียนมัวแต่ไปท่องจำเคล็ดลับหรือคอยสืบหาทริคแปลกๆมาใช้ก็บอกได้คำเดียวว่า... เสียเวลาเปล่า ผมเคยผ่านการใช้หลักวิชามาก็หลากหลายระบบทั้งการใช้ตนุเศษ,ตนุเกษตร,นวางค์,ตรียางค์,ทักษา,ฤกษ์,นักษัตร,จาตุรงคโชค,พินทุบาทว์และเกณฑ์ต่างๆ (น่าจะแค่นี้เท่าที่จำได้) แต่เชื่อหรือไม่ว่าการฝึกฝนโหราศาสตร์ในขั้นต้นนั้นขอแค่คุณทำความเข้าใจความหมายดาวและราศีให้ได้มากที่สุด(ความหมายเรือนเป็นสิ่งที่รู้ๆกันดีอยู่แล้ว) แล้วผสมผสานการอ่านด้วยมุมดาวก็จะสามารถทำนายพื้นดวงได้เป็นอย่างดีโดยที่ยังไม่ต้องไปอาศัยหลักการอื่นๆเลย และเมื่อฝึกฝนการอ่านที่ผมแนะนำจนเกิดความมั่นใจและอ่านพื้นดวงได้แตกแล้ว คุณจะเพิ่มเติมหรือเสริมหลักการและกฎเกณฑ์ใดก็แล้วแต่ความถนัดหรือความชอบส่วนตัวได้เลย แต่ถ้าทำเหมือนผมคือไม่ได้ใช้กฎเกณฑ์ใดๆเสริมในคำทำนายก็ยังจะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วย เพราะถ้าไม่รู้เสียเลยก็จะไม่สามารถหาความแตกต่างว่าเมื่อเราใช้หรือไม่ใช้ให้แล้วผลจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือนักโหราศาสตร์กว่า90%ยังใช้กฎเกณฑ์ต่างๆอยู่เป็นปกติ ดังนั้นถ้าเราไม่รู้เรื่องกฎเกณฑ์อะไรเลยก็จะไม่สามารถถกประเด็นหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่นได้เลยนะครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น