บทนำ

บทนำ

โหราศาสตร์ไทยมีอยู่คู่เมืองไทยมาเป็นเวลานาน   และก็มีการสอนอยู่ด้วยกันหลากหลายสำนักโดยมีครูอาจารย์ผู้ทรงความรู้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ให้กับคน...

18 กันยายน 2563

ดาวปัตนิกุมลัคนา จะดีหรือร้าย

             ดาวปัตนิกุมลัคน์นั้นจะเป็นดาวที่มีตำแหน่งประ ส่วนมากที่เห็นจะยกเอาความหมายของดาวประมาใช้ออกคำทำนายกันโดยทันที วิธีที่ดีและควรทำเป็นอันดับแรกคือการดูว่าเป็นดาวอะไรเสียก่อน แล้วก็ตามด้วยราศีที่ดาวไปสถิตจึงจะทำให้ได้ความหมายที่ถูกต้องมากกว่าการใช้ความหมายสำเร็จรูป

และดาวเจ้าเรือนปัตนินั้นเราสามารถใช้อธิบายความหมายได้ถึง 3 ประการคือ
1. มุมมองในการเลือกเพศตรงข้ามของเจ้าชะตา
2. ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของเพศตรงข้ามในระหว่างที่คบหาหรือเมื่อมาเป็นแฟน
3. พฤติกรรมเมื่อมาเป็นคู่ครองของเจ้าชะตาแล้ว
จากรูปตัวอย่าง ลัคนาราศีสิงห์มีดาวราหูเจ้าเรือนปัตนิกุมลัคน์ ดาวราหูถ้าเราจะใช้เป็นมุมมองในการเลือกเพศตรงข้ามก็จะหมายถึงคนที่มีลักษณะบุคลิกคล่องแคล่ว มีชั้นเชิง มีเสน่ห์เป็นที่โดดเด่น มีไหวพริบ รักอิสระ ใจกว้าง และเมื่อเป็นในช่วงระหว่างคบหากันอยู่นั้นโดยธรรมชาติของทุกคนจะปล่อยลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมที่ดีๆออกมา ดังนั้นดาวราหูในราศีสิงห์จึงพยายามทำให้คนที่เขาจะจีบเกิดความประทับใจอย่างสุดๆโดยจะคอยติดตามเอาใจดูแลเจ้าชะตาเป็นอย่างดี จะมีความใจกว้างกล้าได้กล้าเสียและจะทำทุกอย่างเพื่อพิชิตใจเจ้าชะตา และเมื่อมาเป็นคู่ครองกันแล้วก็จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของดาวราหูในราศีสิงห์ออกมาอย่างเต็มที่ คือจะอยู่ในรูปแบบของการเข้ามาควบคุมหรือฉกฉวยผลประโยชน์จากเจ้าชะตา หรือใช้เจ้าชะตาเป็นฐานในการแสวงหาผลประโยชน์ หรือเข้ามาอาศัยเจ้าชะตาเป็นฐานในการเข้าถึงผลประโยชน์หรือเพื่อไปสู่ความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง หรือถ้ารุนแรงมากที่สุดก็คือการเข้ามาฉกชิงผลประโยชน์จากเจ้าชะตาอย่างซึ่งๆหน้าโดยไม่เกรงใจและไม่เกรงกลัว
ดาวราหูที่เป็นประในราศีสิงห์นั้นจะไม่ใช่ดาวราหูที่หมดกำลังหรือไร้ซึ่งเล่ห์กล แต่จะกลับกลายเป็นการใช้เล่ห์กลอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนและพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ตนเองต้องการ

แต่ความหมายทั้งหมดของดาวราหูก็ยังต้องพิจารณาดาวอาทิตย์ตนุลัคน์ว่าจะมีพฤติกรรมอย่างไร และดาวอาทิตย์ตนุลัคน์จะเป็นตัวเลือกพฤติกรรมของดาวราหูเจ้าเรือนปัตนิมาใช้อย่างถูกต้อง รวมถึงยังต้องดูเพศแท้จริงของเจ้าชะตาอีกด้วย ดังนั้นถ้าดาวอาทิตย์อยู่ในเรือนราศีที่ดีก็จะทำให้รับมือกับฤทธิ์เดชของดาวราหูนี้ได้อย่างดี แต่ถ้าดาวอาทิตย์อยู่ในเรือนราศีที่ด้อยกำลังก็จะทำให้ดาวราหูมีฤทธิ์เพิ่มมากขึ้นและจะรับมือกับดาวราหูได้ยาก เช่นดาวอาทิตย์สถิตในราศีเมษเรือนศุภะก็จะเป็นคนที่เก่งมีความสามารถสูงมีความหยิ่งทะนงไม่ยอมคนและมีความมั่นใจในตนเอง แม้ดาวราหูจะเข้ามาแผลงฤทธิ์แต่ดาวอาทิตย์ก็ยังมีมีวิธีรับมืออย่างรุนแรงและกดดันกลับไปอย่างจริงจังไม่อ่อนข้อ แต่ถ้าดาวอาทิตย์ไปสถิตในราศีพิจิกเรือนพันธุก็จะทำให้ดาวอาทิตย์นี้เกิดการอ่อนกำลังลงเพราะธาตุน้ำของราศี ทำให้ดาวราหูแผลงฤทธิ์เดชได้เต็มที่โดยไม่เกรงใจแต่อย่างใด และดาวอาทิตย์นี้ก็จะต้องยอมอ่อนข้อให้โดยไม่กล้าที่จะตอบโต้ไม่กล้าที่จะขัดขืนหรือขัดแย้ง ดาวตนุลัคน์ที่อยู่ในธาตุราศีธาตุน้ำและธาตุดินมักจะเป็นฝ่ายตั้งรับการถูกกระทำ แต่ถ้าตนุลัคน์อยู่ในราศีธาตุไฟหรือธาตุลมก็มักจะเป็นฝ่ายกระทำก่อนและพร้อมจะลุกไล่กลับหรือรู้จักวิธีหลบเลี่ยงเมื่อยามถูกกระทำ แต่ผลทั้งหมดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงถ้าหากมีดาวร่วมกุมหรือเบียน เพราะการพิจารณาที่ถูกต้องควรครอบคลุมดาวทั้งหมดในดวงชะตา อย่านำความหมายดาวเพียงดวงเดียวไปทำนายโดยไม่ไตร่ตรองผลกระทบอื่นๆนะครับ
 

ผลกระทบของดาวกุม-เบียน

             ราศีธาตุไฟมีด้วยกันทั้งหมด 3 ราศี ธาตุไฟจะทำให้ดาวที่มาสถิตเกิดพฤติกรรมที่เร่าร้อน,เร่งรีบ,กระตุ้น,บีบคั้น,กดดัน,จริงจัง ฯลฯ และแต่ละราศีก็จะให้ความหมายที่แตกต่างกันไปด้วยความหมายของดาวเจ้าราศีดังนี้
ราศีเมษ มีดาวอังคารเป็นเจ้าราศี = เป็นราศีธาตุไฟที่ผสมด้วยการต่อสู้,แข่งขัน,ความขยันขันแข็ง,ความเหน็ด เหนื่อย
ราศีสิงห์ มีดาวอาทิตย์เป็นเจ้าราศี = เป็นราศีธาตุไฟที่ผสมด้วยความทะเยอทะยาน,ชื่อเสียง,เกียรติยศ,เป้าหมาย
ราศีธนู มีดาวพฤหัสเป็นเจ้าราศี = เป็นราศีธาตุไฟที่ผสมด้วยสติปัญญา,วิชาความรู้,กฎระเบียบ,ศาสนา-ประเพณี
เมื่อเราสามารถแยกแยะความหมายของแต่ละราศีได้คร่าวๆดังนี้แล้ว ก็จะเห็นรายละเอียดของดาวที่เข้ามาสถิตว่าจะมีพฤติกรรมออกมาในแบบใด ในรูปตัวอย่างที่นำมาแสดงจะเป็นดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะในราศี ดาวเจ้าเรือนกัมมะที่สถิตในราศีเมษนี้จะเป็นสภาวะการงานที่ต้องเร่งรีบแถมมีการแข่งขันสูงและมีแรงกดดันอยู่ตลอดเวลา เมื่อเป็นดาวพุธจึงแสดงถึงการงานที่ต้องใช้ความคิดและการสื่อสารที่รุนแรงจริงจัง จะเกิดความขัดแย้งกันในเรื่องการสื่อสารและทางความคิดได้เสมอ ซึ่งทั้งสองดวงตัวอย่างแม้ดาวพุธจะสถิตราศีเดียวกัน แต่ดาวตนุลัคน์ที่กุมและเบียนจะทำให้ความหมายในการอ่านดวงชะตาให้ผลที่แตกต่างกัน
รูปดวงแรก.. ดาวพฤหัสตนุลัคน์กุมดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะในราศีเมษ ดาวพฤหัสในราศีเมษจะทำให้เจ้าชะตาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมีการใฝ่รู้ไม่หยุดนิ่งและพร้อมจะใช้ความรู้ความสามารถเข้าต่อสู้กับทุกปัญหาไม่ว่าจะยากสักแค่ไหน และดาวพฤหัสที่ได้รับธาตุไฟนี้จะมีความมั่นใจในตัวเองจึงมีสภาวะของความเป็นผู้นำที่สูงอีกด้วย เมื่อดาวพฤหัสมีดาวพุธเข้ากุมในราศีนี้เราก็ต้องแยกในการอ่านดาวพุธนี้ในสองสภาวะ คืออ่านในฐานะดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะในราศีเมษก็อ่านในแบบที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น และอ่านในอีกสภาวะคือดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะที่กุมดาวพฤหัส ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ดาวพฤหัสได้รับธาตุน้ำจากดาวพุธจึงเกิดความราบรื่นและคลายความร้อนจากธาตุไฟของราศีเมษลง นั่นจึงทำให้เราเห็นว่าเมื่อเจ้าชะตาทำงานแล้วกลับได้รับความสุข และงานที่ยากหรืองานที่ต้องแข่งขันสูงแค่ไหนล้วนเป็นสิ่งท้าทายความรู้ความสามารถของเจ้าชะตาเป็นอย่างยิ่ง แรงบีบคั้นจากดาวพุธจึงไม่ใช่ปัญหาของดาวพฤหัสในดวงชะตานี้แต่อย่างใด
และเมื่อกลับมาอ่านดาวพุธที่ได้รับผลจากดาวพฤหัสกุม ก็จะเป็นการลดทอนความร้อนรนเร่งรีบของการทำงานให้น้อยลงไป นั่นเป็นเพราะดาวพุธจะได้รับธาตุดินจากดาวพฤหัสทำให้มีการชะลอตัว และได้รับสติปัญญาจากดาวพฤหัสทำให้มีการกระทำที่เป็นระบบระเบียบ มีการวางแผนเป็นอย่างดีในการทำงานทุกๆขั้นตอน
รูปดวงที่สอง.. ดาวพฤหัสตนุลัคน์สถิตราศีมีนเรือนพันธุ มีดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะสถิตราศีเมษ ดาวพฤหัสในราศีมีนจะเป็นคนที่ไม่มีสภาวะของการต่อสู้แข่งขันและไม่มีสภาวะของผู้นำ มักมีความคิดเห็นคล้อยตามผู้อื่นไม่กล้าที่จะขัดแย้งถกเถียง ไม่มีการตัดสินใจที่เด็ดขาดชัดเจนและนิยมใช้การประนีประนอมในการแก้ไขปัญหา ดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะสถิตราศีเมษที่ได้ความหมายตามที่กล่าวไว้ข้างต้นจึงอาจดูว่าเป็นปัญหาต่อเจ้าชะตา เพราะดาวพฤหัสที่เบียนดาวพุธอยู่นั้นก็เป็นความหมายของการทำงานที่ต้องน้อมรับคำสั่ง หรือในการทำงานจะต้องคอยรองรับอารมณ์และต้องคล้อยตามผู้อื่นอยู่เสมอๆ แต่ผลดีในจุดนี้ก็ยังมีอยู่บ้างคือแค่เจ้าชะตาทำตามๆคำสั่งไปแบบไม่ขัดขืนไม่โต้เถียงก็จะไม่เป็นภัยแก่ตนเองแต่อย่างใด เนื่องจากดาวพฤหัสตนุลัคน์ในราศีมีนนี้ผู้ใหญ่หรือเจ้านายจะชอบและให้ความเอ็นดู
เมื่อกลับมาดูที่ดาวพุธสถิตราศีเมษที่ได้รับผลมุมเบียนจากดาวพฤหัส ทำให้ดาวพุธได้รับธาตุน้ำจากราศีมีนทำให้สภาวะการงานเกิดการชะลอตัวไม่มีการพัฒนาเพราะตนเองไม่กล้าตัดสินใจ และผู้ใหญ่มักจะให้ทำงานรับใช้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ไม่เติบโตก็จะทำให้เจ้าชะตาต้องติดอยู่กับตำแหน่งหน้าที่เดิมๆต่อไป
การอธิบายคร่าวๆทั้งหมดในเรื่องของดาวทั้งสองดวงนี้ ถ้ามีดาวอื่นทำมุมเพิ่มเติมก็จะมีเรื่องราวที่แตกต่างไปบ้างจากที่กล่าวไว้ เช่นในรูปดวงชะตาที่สองถ้ามีดาวสถิตในราศีกุมภ์(ซึ่งต้องไม่ใช่ดาวราหูหรือดาวเกตุ) ดาวพฤหัสจะได้รับผลเบียนจากราศีธาตุลมทำให้มีไหวพริบมีความคล่องแคล่วขึ้นมาบ้าง จึงสามารถจะเอาตัวรอดได้จากสถานะการณ์ที่บีบคั้นและมีความคิดเห็นที่เป็นของตนเองซึ่งก็มักจะเป็นในแนวที่แตกต่างจากผู้อื่น และยังทำให้ดาวพฤหัสมีพัฒนาการจะไม่อดทนเป็นเบี้ยล่างได้นานเพราะเมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสมก็จะผละออกหาความอิสระให้แก่ตนเอง

ดังนั้นการจะหาความหมายของดาวทั้งหมดในดวงชะตาจะต้องพิจารณาให้ครบทุกๆมุมดาว อย่าออกคำทำนายโดยใช้แค่ดาวเพียงดวงสองดวงที่ได้ตำแหน่งดีๆแล้วตีความหมายไปตามคำจำกัดความตามที่ท่องจำกันอีกเลยนะครับ  

พิจารณาดาวตำแหน่ง นิจ

            ดาวที่เป็นนิจส่วนมากแล้วเรามักจะทึกทักเอาว่าเป็นดาวที่ต่ำต้อย ด้อยค่า ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีหน้ามีตา ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเราควรจะต้องดูเสียก่อนว่าดาวนิจนั้นเป็นดาวอะไรและอยู่ในราศีอะไร จะทำให้ได้รับรู้ถึงเหตุและผลแห่งความเป็นนิจว่าส่งผลอย่างไรต่อดวงชะตา และที่สำคัญคือดาวตนุลัคน์จะเป็นตัวเลือกความหมายของดาวทั้งหมดในดวงชะตา อย่าใช้ความหมายดาวอื่นๆโดยเอกเทศจะทำให้การทำนายผิดพลาดขึ้นได้

ขอยกตัวอย่างตามรูปดวงที่นำมาลง...
ลัคนาราศีตุลย์มีดาวศุกร์สถิตราศีสิงห์ แล้วดาวอังคารเจ้าเรือนกดุมภะ-ปัตนิสถิตราศีกรกฎเรือนกัมมะ ในตอนแรกที่เห็นดาวอังคารที่สถิตราศีกรกฎ(เป็นนิจ)ถ้าเราอ่านดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนกดุมภะหรือปัตนิก็มักจะใช้ความหมายของนิจในทันที เช่น เจ้าชะตามีฐานะการเงินที่น้อย , หากทำงานก็ไม่ค่อยได้เงิน , ได้คู่ครองเป็นคนไม่มียศศักดิ์ , ได้คู่ครองต่ำต้อย , ได้คู่ครองตกงานหรือไม่ยอมทำงานทำการ ฯลฯ
ถ้าอ่านแบบนี้จะเป็นคำทำนายที่ไม่ถูกต้องและผิดหลักการอีกด้วย สาเหตุก็เพราะดาวศุกร์ที่เป็นตนุลัคน์สถิตราศีสิงห์(ธาตุไฟ)เรือนลาภะ ตรงนี้จะเป็นจุดสำคัญที่จะใช้เลือกความหมายของดาวอังคาร(นิจ)ได้อย่างดีที่สุด

ดาวศุกร์ที่สถิตราศีสิงห์เป็นดาวศุกร์ที่ได้รับพลังงานของธาตุไฟทำให้เจ้าชะตามีความทะเยอทะยาน มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มีความกระตือรือร้นและมีความจริงจังมีเป้าหมายในการเข้าหาโอกาสที่ดีให้แก่ตนเอง เมื่อมองในขั้นต้นแล้วว่าเจ้าชะตาไม่ใช่คนที่เลื่อนลอย ดังนั้นถ้าเจ้าชะตาจะทำมาหากินหรือแม้แต่จะหาแฟนสักคนก็จะต้องทำอย่างเต็มที่และมีเหตุผลในการกระทำในทุกๆครั้ง เมื่ออ่านดาวอังคารในความหมายเจ้าเรือนกดุมภะ(เป็นนิจ)มีดาวอาทิตย์กุมแบบนี้จะต้องอ่านว่า เจ้าชะตาเป็นคนกระตือรือร้นทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง(ดาวศุกร์ในราศีสิงห์) แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายได้มากนัก(ดาวอังคารนิจ) แต่ถ้าทำแล้วได้ชื่อเสียงหน้าตาก็จะเป็นสิ่งที่ถูกใจเจ้าชะตามากกว่า(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์ในเรือนกัมมะ) และการใช้จ่ายเงินทองถ้าจะซื้อของก็ต้องเป็นของที่มียี่ห้อหรือทำให้ตนเองดูดีจะแพงเท่าไหร่ก็ไม่ว่า หรือถ้าเจอผู้หญิงที่เอาใจเก่งๆก็พร้อมที่จะควักจ่ายแบบไม่ยั้งมือด้วยเช่นกัน และถ้าจะนำเงินไปลงทุนในกิจการงานใดๆก็จะลงทุนน้อยแต่หวังผลกำไรสูงหรือมีเป้าหมายที่สูง(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์ในเรือนกัมมะ)
****ในความหมายแรกที่บอกว่า.. “เจ้าชะตาเป็นคนมีความมุ่งมั่นทะเยอะทะยานมีความกระตือรือร้น แต่ไม่ให้ความสำคัญกับรายได้มากนัก” ความหมายของประโยคนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าชะตาไม่เลือกงานแล้วให้ทำอะไรก็ได้เพียงให้ได้เงินหรือทำงานแล้วได้เงินน้อยก็จำเป็นต้องทำ แต่หมายถึงเจ้าชะตาเป็นคนที่มีความสามารถจนไม่ต้องนำพากับการเรียกร้องค่าจ้าง
ถ้าอ่านดาวอังคารในความหมายเจ้าเรือนปัตนิก็จะต้องอ่านว่า เจ้าชะตาเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความขยันขันแข็งในการสู้ชีวิตทำให้ได้รับความสำเร็จมีชื่อเสียงเงินทอง(ดาวศุกร์ในราศีสิงห์) เจ้าชะตาจะเลือกผู้หญิงที่มีนิสัยเรียบร้อยไม่จำเป็นต้องขยันขันแข็งมากนักแต่ต้องรู้จักการเอาอกเอาใจตนเองเป็นอย่างดี(ดาวอังคารนิจ) แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องมีความโดดเด่น(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์) หรือผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีความสำเร็จในหน้าที่การงานติดตัวมาด้วยก็ยิ่งดี(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์ในเรือนกัมมะ)

ในส่วนของดาวอังคารที่กุมดาวอาทิตย์นั้นก็อย่าไปใช้ในความหมายของดาวคู่ศัตรูเสียจนไม่สนใจความหมายที่ดีของดาวทั้งสอง ดาวกุมกันทุกดวงล้วนแต่ส่งผลได้ทั้งความดีและร้ายให้แก่กันและกัน ขึ้นอยู่ว่าเรากำลังจะอ่านในเรื่องราวใด และการอ่านดาวกุมนั้นก็ต้องรู้จักด้วยว่าเรากำลังอ่านดาวอะไรก็ต้องเอาดาวนั้นเป็นประธานของเรื่อง เช่นเรากำลังต้องการอ่านดาวอังคารก็ต้องใช้ความหมายของดาวอังคารเป็นเรื่องนำ แล้วให้ความหมายของดาวอาทิตย์เป็นส่วนขยาย และถ้าจะบอกว่าดาวอังคารนี้ฟื้นด้วยผลของดาวอาทิตย์กุมได้หรือไม่.. ก็บอกได้ว่าเป็นไปได้เช่นกัน แต่การฟื้นนั้นไม่ได้ฟื้นจากความเป็นนิจตามที่เข้าใจ แต่เป็นการฟื้นในเรื่องพฤติกรรมของดาวอังคารที่สถิตในเรือนธาตุน้ำแล้วได้รับธาตุไฟและความหมายของดาวอาทิตย์ผสมเข้าไป ทำให้เกิดเป็นความไม่อยู่นิ่งหรือมีความกระตือรือร้นขึ้นมากมากกว่าเดิม ดาวอังคารนี้จึงไม่ได้เป็นแค่คนที่เข้ามาคอยเอาอกเอาใจเฉยๆ แต่มีเป้าหมายในการกระทำนั้นๆด้วยเช่นกัน ดาวอังคารนี้เมื่อจะทำอะไรถ้าได้รับผลตอบแทนหรือได้รับลาภผลก็จะสามารถทำได้ดีมากขึ้น หรือเป็นดาวอังคารที่ทำทุกอย่างด้วยการวางเป้าหมายไม่ใช่ทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าไร้ซึ่งทิศทาง และถ้าเป็นการทำที่ต้องไม่เหน็ดเหนื่อยด้วยก็ยิ่งดี

ส่วนมากแล้วความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในดวงชะตาลักษณะนี้เกิดขึ้นเพราะดาวศุกร์ในราศีสิงห์ และเป็นผลที่เกิดจากการมีดาวเบียนจากราศีกรกฎด้วยเช่นกัน ดาวศุกร์ในราศีธาตุไฟจะเป็นดาวที่ต้องการธาตุน้ำเพื่อให้ตนเองเกิดความสุขสบายในความหมายเดิม เมื่อดาวศุกร์นี้มีดาวเบียนจากราศีกรกฎเรือนธาตุน้ำก็แสดงผลทำให้เป็นคนที่ต้องการคนที่มาเอาใจใส่ดูแลจนบางครั้งอาจมากเกินไป , ชอบที่จะเรียกร้องความสนใจจากฝ่ายตรงข้าม , เป็นคนที่มีความรักจริงจังอาจทำให้เป็นคนขี้หึงและหวงแหนอย่างมาก และเมื่ออีกฝ่ายมีอาการฮึดฮัดหรือมีท่าทีขัดขืนไม่ทำตามในสิ่งที่ตนเองต้องการ เจ้าชะตาก็จะแสดงอาการไม่พอใจหรือเกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้ในทันที และดาวอาทิตย์ที่กุมดาวอังคารนี้ก็จะซ่อนผลเสียอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะปกติดาวศุกร์ในราศีสิงห์จะมีความเป็นผู้นำและเชื่อมั่นในตัวเองสูง เมื่อดาวอังคารถูกดาวดาวอาทิตย์กุมก็จะทำให้ดาวอังคารเกิดภาพของการเป็นผู้นำและมีความเชื่อมั่นที่ซ้อนทับเข้ามาด้วยเช่นกัน(แต่เป็นในปริมาณที่น้อยกว่าดาวศุกร์ และถ้าดวงชะตานี้เป็นของผู้หญิงก็จะเกิดผลเสียได้มากกว่าเป็นดวงชะตาของผู้ชาย) ดังนั้นดาวศุกร์และดาวอังคารก็จะเกิดความขัดแย้งหรือเกิดปัญหาต่อกันได้ในช่วงที่มีดาวจรส่งผลร้ายแก่ดาวใดดาวหนึ่งหรือทั้งสองดาวเลยก็ได้

การอ่านความหมายดาวที่มีตำแหน่งด้อยค่านั้นควรจะต้องเลือกหาความหมายที่ถูกต้องกับตนุลัคน์ให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นเราจะหลงประเด็นในการทำนายแล้วหาจุดสรุปที่ลงตัวไม่ได้ และเมื่ออ่านพื้นดวงผิดถ้าถึงคราวจะทำนายจรก็เกิดความผิดพลาดตามไปด้วยเช่นกัน 

ความสำคัญของการอ่านพื้นดวง

            เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปเห็นในการแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความรู้ด้านโหราศาสตร์ และเห็นผู้กล่าวแนะนำในทำนองว่า “ไม่ต้องไปอ่านพื้นดวงให้มากนัก เพราะดวงจรจะบอกสิ่งที่เกิดในปัจจุบันและอนาคต ส่วนพื้นดวงไม่สำคัญเท่าไหร่” เมื่อผมอ่านคำตอบแบบนี้ก็รู้ได้เลยว่าคนที่แนะนำคงจะไม่สามารถพัฒนาความรู้โหราศาสตร์ของตนไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างแน่นอน

เหตุผลเพราะอะไร... ทำไมผมคิดเช่นนั้น

ก็เพราะพื้นดวงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำนายดวงชะตา อย่างน้อยการอ่านพื้นดวงก็เป็นการฝึกฝนในขั้นต้นที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ และการจะทำนายจรได้ถูกต้องนั้นควรจะตีพื้นดวงให้แตกเสียก่อน พื้นดวงจะเป็นตัวบ่งบอกถึงอุปนิสัยและพฤติกรรมของเจ้าชะตาว่าเป็นคนอย่างไร เช่น เป็นนักสู้ , เป็นคนมีความอดทน , เป็นคนมีสติปัญญา , เป็นคนโลเล หรือเป็นคนท้อถอยง่าย ฯลฯ เมื่อเรารู้ว่าเจ้าชะตามีอุปนิสัยอย่างไรก็จะสามารถทำนายได้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์จากดาวจรในลักษณะไหน อาทิคนที่มีพื้นดวงแสดงถึงการเป็นนักสู้เมื่อมีดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะหาทางฟันฝ่าอุปสรรคอย่างเต็มที่ หรือถ้าเป็นคนมีความอดทนเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะสามารถยืนหยัดอดทนต่อความยากลำบาก หรือถ้าเป็นคนที่มีสติปัญญาเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะสงบนิ่งแล้วใช้ความรู้ที่มีเพื่อหาวิธีแก้ไข และสุดท้ายถ้าเป็นคนที่ท้อถอยง่ายเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะยอมแพ้กับโชคชะตาและมีชีวิตอยู่กับความทุกข์ระทม

การอ่านพื้นดวงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนเป็นเวลานาน และการจะผ่านถึงขั้นอ่านพื้นดวงได้แตกก็ต้องมีประสบการณ์การอ่านดวงครูหลายสิบดวง(บางคนอาจเป็นร้อยดวงเลยก็ได้) และหากมีครูคอยชี้แนะขัดเกลาก็จะทำให้เรียนรู้ได้เร็วกว่าการฝึกฝนด้วยตนเอง แต่ถึงแม้จะมีดวงครูเป็นสิบเป็นร้อยหากผู้เรียนไม่มีความเข้าใจพื้นฐานของหลักวิชาก็คงจะเปล่าประโยชน์ ดังนั้นการเรียนโหราศาสตร์ให้ได้ผลดีจะต้องทำความเข้าใจให้มากๆ หากผู้เรียนมัวแต่ไปท่องจำเคล็ดลับหรือคอยสืบหาทริคแปลกๆมาใช้ก็บอกได้คำเดียวว่า... เสียเวลาเปล่า ผมเคยผ่านการใช้หลักวิชามาก็หลากหลายระบบทั้งการใช้ตนุเศษ,ตนุเกษตร,นวางค์,ตรียางค์,ทักษา,ฤกษ์,นักษัตร,จาตุรงคโชค,พินทุบาทว์และเกณฑ์ต่างๆ (น่าจะแค่นี้เท่าที่จำได้) แต่เชื่อหรือไม่ว่าการฝึกฝนโหราศาสตร์ในขั้นต้นนั้นขอแค่คุณทำความเข้าใจความหมายดาวและราศีให้ได้มากที่สุด(ความหมายเรือนเป็นสิ่งที่รู้ๆกันดีอยู่แล้ว) แล้วผสมผสานการอ่านด้วยมุมดาวก็จะสามารถทำนายพื้นดวงได้เป็นอย่างดีโดยที่ยังไม่ต้องไปอาศัยหลักการอื่นๆเลย และเมื่อฝึกฝนการอ่านที่ผมแนะนำจนเกิดความมั่นใจและอ่านพื้นดวงได้แตกแล้ว คุณจะเพิ่มเติมหรือเสริมหลักการและกฎเกณฑ์ใดก็แล้วแต่ความถนัดหรือความชอบส่วนตัวได้เลย แต่ถ้าทำเหมือนผมคือไม่ได้ใช้กฎเกณฑ์ใดๆเสริมในคำทำนายก็ยังจะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วย เพราะถ้าไม่รู้เสียเลยก็จะไม่สามารถหาความแตกต่างว่าเมื่อเราใช้หรือไม่ใช้ให้แล้วผลจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือนักโหราศาสตร์กว่า90%ยังใช้กฎเกณฑ์ต่างๆอยู่เป็นปกติ ดังนั้นถ้าเราไม่รู้เรื่องกฎเกณฑ์อะไรเลยก็จะไม่สามารถถกประเด็นหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่นได้เลยนะครับ 

ดาวที่ไปสถิตเรือนอริ ดี-ร้าย อย่างไร

            เรือนอริเป็นเรือนที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าคือเรือนแห่งปัญหาและอุปสรรค แต่เคยรับรู้หรือไม่ว่าดาวที่ไปสถิตเรือนอรินั้นเป็นเพียงแค่การเข้าเกี่ยวข้องกับปัญหา,อุปสรรค ดาวลักษณะนี้อาจจะเป็นสาเหตุของปัญหาหรือเป็นตัวก่อปัญหา และอาจจะไม่ได้เป็นสาเหตุของปัญหาหรือไม่ได้ก่อปัญหาตามที่เคยเข้าใจมาก่อนเลยก็เป็นได้ และยังมีการทำนายที่สับสนอีกกรณีคือ ดาวเจ้าเรือนกดุมภะไปสถิตเรือนอริ กับดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนกดุมภะ นักทำนายมือใหม่ส่วนมากมักจะทำนายว่าการเงินมีปัญหาเหมือนกันทั้งสองกรณี ซึ่งถ้าแยกความแตกต่างจะได้ความหมายที่ไม่เหมือนกันเลยคือ
ดาวเจ้าเรือนกดุมภะไปสถิตเรือนอริจะหมายถึงการใช้เงินหรือใช้ทรัพย์สินเข้าไปแก้ไขปัญหา , การปล่อยกู้ , การนำเงินไปชำระหนี้ ฯลฯ
ส่วนดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนกดุมภะจะหมายถึงการติดขัดหรือเกิดปัญหาด้านการเงิน , การกู้ยืม(หนี้สิน) , ถูกฟ้องร้องหรือมีคดีความด้านการเงิน , ถูกทวงเงิน ฯลฯ
ทีนี้กลับมาเรื่องดาวไปสถิตเรือนอริกันต่อ.. ดาวที่ไปสถิตเรือนอริแล้วจะมีพฤติกรรมสร้างปัญหาหรืออาจจะไม่ได้เป็นตัวสร้างปัญหานั้นเราสามารถแยกแยะดังนี้คือ ต้องดูว่าดาวนั้นๆเป็นดาวอะไร-เจ้าเรือนอะไรและเรือนอริที่ไปสถิตเป็นราศีอะไร เช่น
ลัคนาราศีธนูมีดาวพฤหัสตนุลัคน์ไปสถิตเรือนอริราศีพฤษภ ก็จะหมายถึงเจ้าชะตาจะใช้ความรู้ความสามารถ(ดาวพฤหัส) พินิจพิจารณาด้วยสติที่รอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป(ราศีธาตุดิน) ในการเข้าไปแก้ไขปัญหา(เรือนอริ)
หรือลัคนาราศีพิจิกแล้วดาวอังคารตนุลัคน์ไปสถิตเรือนอริราศีเมษ ก็จะหมายถึงเจ้าชะตาเป็นนักต่อสู้(ดาวอังคาร) มีการใช้อารมณ์ที่จริงจังและต่อสู้อย่างไม่มีการประนีประนอม(ราศีธาตุไฟ) เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาที่มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน(เรือนอริและดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนอรินี้ด้วย) ดาวอังคารนี้จึงเป็นคนประเภทยอมหักไม่ยอมงอและการเข้าไปแก้ไขปัญหาก็จะใช้อารมณ์แบบไม่มีเหตุผล ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ตนเองได้มากกว่าผลดีจึงอาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับตนเองกลับมาก็ได้
หรือถ้าลัคนาราศีตุลย์แล้วดาวศุกร์สถิตเรือนอริราศีมีน ก็จะหมายถึงเจ้าชะตาเป็นคนที่มีความสุขสมบูรณ์(ดาวศุกร์) มักได้รับการดูแลหรือได้รับการอุปถัมภ์ช่วยเหลือจากผู้ใหญ่(ราศีมีนธาตุน้ำ) ในการแก้ไขปัญหา(เรือนอริ) ดาวศุกร์ในลักษณะนี้จะทำให้เจ้าชะตาแทบไม่ทุกข์ร้อนกับปัญหาใดๆทั้งสิ้น ซึ่งความไม่ทุกข์ร้อนนี้อาจจะกลับมาเป็นตัวสร้างปัญหาให้แก่ตนเองได้อีกด้วยเช่นกัน
เมื่ออ่านดาวที่มาสถิตเรือนอริได้ความหมายตามที่อธิบายวิธีไปแล้ว เราก็มาดูว่าดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือน-ราศีใด นั่นจึงเป็นการแสดงถึงผลต่อเนื่องว่าดาวสถิตเรือนอริออกพฤติกรรมเช่นนั้นแล้วให้ผลอย่างไรต่อไป
จะขอยกตัวอย่างสักดวงชะตาซึ่งเป็นของคนที่ทำงานเป็นตัวแทนประกันภัย เจ้าชะตาลัคนาราศีธนูมีดาวพฤหัสตนุลัคน์สถิตเรือนอริราศีพฤษภ แล้วดาวศุกร์เจ้าเรือนอริมาสถิตเรือนกดุมภะราศีมังกร หมายความว่าเจ้าชะตาเป็นคนมีสติปัญญาที่รอบคอบในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเจ้าชะตารู้สึกว่าเป็นปัญหาที่ไม่ยาก(ดาวศุกร์) และมักเป็นปัญหาด้านการเงินหรือทรัพย์สิน(เรือนกดุมภะ) ที่มีการสะสมเป็นเวลานานหรือเป็นปัญหาที่เกิดจากการติดขัดหรือมีความล่าช้า(ราศีมังกรธาตุดิน)

ต่อจากนี้ไปเมื่อเห็นดาวที่ไปสถิตเรือนอริก็อย่าไปทึกทักว่าเป็นสาเหตุของปัญหาหรือมองว่าเป็นการเข้าไปก่อปัญหาเสียทั้งหมด ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าเป็นดาวอะไรและดูว่าเรือนอริเป็นราศีอะไร เมื่อเราผสมความหมายได้ถูกต้องครบถ้วนก็จะสามารถนำไปแก้ไขให้เกิดความเหมาะสมกับดวงชะตาครับ  

ดาวมรณะในเรือนปัตนิ เรื่องคู่ครอง ???

          โดยส่วนมากแล้วถ้ามีดาวเจ้าเรือนมรณะมาสถิตเรือนปัตนิ ก็มักจะเห็นคำทำนายในลักษณะที่ว่า...
“จะได้คนต่างถิ่นแดนไกลหรือชาวต่างชาติเป็นคู่ครอง หรือคู่ครองมีสภาวะแวดล้อมที่ต้องเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ หรือจะต้องมีปัญหาจนต้องห่างเหินกับคู่ครอง หรือได้คู่ครองเป็นคนต่างศาสนา ฯลฯ”
ซึ่งดาวในลักษณะนี้เรายังสามารถเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละประเด็นด้วยความหมายของ "ดาวเจ้าเรือนมรณะ" และ "ธาตุราศีของเรือนปัตนิ" และเมื่อผสมกับความหมายของดาวตนุลัคน์ก็จะทำให้เราสามารถเลือกใช้ความหมายที่ถูกต้องมาใช้ในการทำนายได้ชัดเจนมากที่สุด
จะขอยกตัวอย่างลัคนาราศีกรกฎ มีดาวราหูเจ้าเรือนมรณะมาสถิตราศีมังกรเรือนปัตนิ ในขั้นต้นเราจะต้องหาความหมายของเรือนมรณะมาให้สัมพันธ์กับความหมายของดาวราหูในราศีมังกรให้มากที่สุด เช่นถ้าเราจะใช้ความหมายว่าได้คนต่างชาติมาเป็นคู่ครองหรือคู่ครองมีสภาวะที่ต้องเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ความหมายต่างชาติที่เป็นดาวราหูก็คือชาวเอเซีย(จีน,เกาหลี,ญี่ปุ่น,มาเลย์,สิงคโปร์ ฯลฯ)ที่จะต้องมาอยู่อาศัยในถิ่นฐานของเจ้าชะตาเป็นระยะเวลานาน(ราศีธาตุดิน) หรือถ้าจะอ่านว่าเจ้าชะตาต้องมีปัญหากับคู่ครองจนต้องห่างเหินกันไปก็จะต้องเป็นเรื่องราวที่เกิดการสะสมเพาะบ่มเป็นระยะเวลานาน(ธาตุดิน) และปัญหานั้นจะต้องเป็นเรื่องนิสัยของดาวราหูคือการไม่ใส่ใจดูแลต่อกัน หรือหากจะดูว่าได้คู่เป็นคนต่างศาสนาก็จะต้องเป็นความแตกต่างที่จะต้องสร้างปัญหาต่อกัน เพราะดาวที่ไปสถิตราศีมังกรมักจะเกิดภาพของปัญหาที่สะสมพอกพูนมากขึ้นไปตามระยะเวลา
แต่ในมุมที่ดีของราศีธาตุดินที่ดาวมรณะไปสถิตนี้ก็คือ การที่คู่ครองจะต้องเป็นคนที่ได้มรดกตกทอดเป็นที่ดินอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเราเลือกใช้ในความหมายนี้ก็ไม่ต้องใช้ความหมายของต่างชาติอีกแล้ว เพราะเมื่อเราเลือกความหมายของเรือนมรณะมาเป็นเรื่องมรดกแล้ว ก็ห้ามใช้ความหมายเรื่องต่างถิ่นต่างแดนให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความหมายดาวหรือเรือนเมื่อเราเลือกมาใช้แล้วก็ควรใช้ในความหมายเดียวเท่านั้น

ในเมื่อเราหาความหมายของดาวราหูเจ้าเรือนมรณะมาได้หลากหลายเช่นนี้ แล้วเราจะใช้อะไรมาเป็นตัวเลือกความหมายใดมาใช้ให้ตรงกับดวงชะตามากที่สุด.. ?
ในส่วนนี้เราก็ต้องนำเอาดาวจันทร์ตนุลัคน์มาเป็นตัวตัดสินว่าจะเลือกความหมายใดของดาวราหู เช่นถ้าดาวจันทร์ตนุลัคน์สถิตราศีธนูก็จะทำให้เจ้าชะตามักเกิดปัญหาในด้านเชื้อชาติศาสนา เราจึงตัดประเด็นในเรื่องการได้คู่ครองต่างชาติหรือต่างศาสนาไปได้เลย หรือถ้าดาวจันทร์สถิตราศีสิงห์ก็เป็นคนที่มีความคิดอ่านในเรื่องเงินทองหรือชื่อเสียงเป็นลำดับแรก ก็จะมองหาคนที่มีฐานะมั่นคงเป็นสำคัญจึงอาจจะเลือกคู่ครองที่มีมรดกตกทอด แต่ถ้าเป็นดาวจันทร์สถิตในราศีตุลย์ก็จะเป็นคนสนุกสนานและมีเสน่ห์ก็อาจจะเลือกความหมายของดาวราหูในเรือนปัตนิได้หลากหลายเพราะตนเองจะไม่มีกฎเกณฑ์มากมายนัก แต่จะต้องมีปัญหาเพราะดาวจันทร์ในราศีตุลย์เรือนพันธุจะเป็นคนที่เอาใจใส่และรักครอบครัว แต่ดาวราหูที่มาสถิตในเรือนปัตนิจะทำให้คู่ครองมีปัญหาในการใส่ใจดูแลต่อกัน ตรงนี้เราจึงสามารถเลือกความหมายด้านปัญหาในการใส่ใจดูแลจึงจะถูกต้อง และในส่วนของดาวจันทร์ในราศีธาตุอื่นๆก็จะเกิดผลในการเลือกคำทำนายต่อดาวราหูที่แตกต่างกันไปเช่นกัน

เมื่ออ่านถึงตรงนี้หลายๆคนอาจจะท้วงติงว่าผมยังไม่ได้ดูดาวเจ้าเรือนปัตนิแล้วจะสรุปผลของดาวราหูในเรื่องคู่ครองได้เช่นนี้เชียวหรือ ซึ่งในความเป็นจริงการอ่านเพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้คาดเดาเรื่องราวได้พอประมาณ ดาวปัตนิจึงเป็นเพียงดาวที่ใช้พิจารณาพฤติกรรมและนิสัยของคู่ครองอันเป็นผลที่ต่อเนื่องจากดาวราหูเจ้าเรือนมรณะ และจะสรุปผลในลักษณะใดก็ต้องดูว่าดาวปัตนิไปสถิตเรือน-ราศีใดอีกต่อไป 

ดาวอริสถิตเรือนมรณะ อ่านอย่างไรให้ถูกต้อง

           ดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนมรณะนั้น ผู้ทำนายมือใหม่ส่วนมากที่ใช้การอ่านเพียงเรือนสู่เรือนก็มักจะตีความหมายว่า “ศัตรูพ่ายแพ้ หรือศัตรูหมดสิ้น หรือศัตรูพ่ายแพ้ภัยตัวเอง หรือโรคภัยไข้เจ็บหมดสิ้นไป ฯลฯ” การทำนายในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้เพราะถือว่าขาดหลักการคิดวิเคราะห์ ในหลักวิชาโหราศาสตร์มีดาวและราศีธาตุเป็นองค์ประกอบสำคัญไว้ขยายรายละเอียด เราจึงควรจะพิจารณาให้ครบถ้วนทั้งหมดเพื่อให้ได้ความหมายที่ถูกต้อง และการจะใช้ความหมายดาวหรือเรือนราศีก็ต้องเลือกอีกว่าจะใช้ในเชิงรูปธรรมหรือนามธรรม เพราะถ้าเรานำลักษณะใดลักษณะหนึ่งมาใช้ก็ต้องเลือกความหมายให้ถูกต้องและควรไปในแนวทางเดียวกัน หากเลือกความหมายที่สับสนปนเปและไม่สอดคล้องกันก็จะทำให้การทำนายผิดพลาดได้

ดาวแต่ละดวงจะมีความหมายที่แตกต่างกันรวมถึงแต่ละราศีก็ทำให้เกิดความหมายด้านพฤติกรรมของดาวที่แตกต่างด้วย ความแตกต่างนี้ก็มีทั้งทางด้านรูปธรรมและทางนามธรรม ยกตัวอย่างเช่นดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริ(ราศีมีน)ไปสถิตเรือนมรณะราศีพฤษภ หากจะอ่านดาวเจ้าเรือนอริในความหมายของศัตรูก็ต้องหาความหมายในเชิงบุคคล(รูปธรรม) และบุคคลในความหมายของดาวพฤหัสคือผู้ใหญ่,ครู-อาจารย์ ฯลฯ ดังนั้นบุคคลเหล่านี้ที่จะมาเป็นศัตรูกับเราด้วยวิธีใดหรือลักษณะใดก็ต้องหาความหมายจากการที่ดาวพฤหัสไปสถิตราศีพฤษภเรือนมรณะนั่นเอง

ขออนุญาตแนะนำวิธีหรือขั้นตอนในการอ่านดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริสถิตราศีพฤษภเรือนมรณะมีดังนี้คือ
เรือนอริ = ปัญหา , อุปสรรค , โรคภัยไข้เจ็บ , หนี้สิน , ศัตรู ฯลฯ
ดาวพฤหัส = สติปัญญา , ความรู้ , ความคิด-อุดมการณ์ , การศึกษา , ผู้ใหญ่ , ครู , ศาสนา , วัฒนธรรม-ประเพณี ฯลฯ
ราศีพฤษภ = (เรือนธาตุดิน มีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือน) การเก็บสะสม , ความสม่ำเสมอ , การชะลอตัว , ความนิ่งสงบ , การยึดติดด้วยความพึงพอใจ , ความพอเพียงและการมีความสุขในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ , การอยู่ในโลกส่วนตัวได้อย่างมีความสุข ฯลฯ
เรือนมรณะ = หมดสิ้น , สิ้นสุด , ครบถ้วน , เสร็จสิ้น ฯลฯ
ดาวพฤหัสที่เป็นเจ้าเรือนอริมีความหมายได้หลากหลายเช่น ศัตรูเป็นคนที่มีความรู้-มีการศึกษาหรือเป็นผู้ใหญ่หรือครู-อาจารย์ , เกิดปัญหาและอุปสรรคจากความคิด-อุดมการณ์(ที่ตนเองยึดติด-ยึดถือมากเกินไป) หรือเกิดอุปสรรคในการศึกษา-ระเบียบกฎเกณฑ์-กติกา หรือเกิดปัญหาในเรื่องของการยึดถือประเพณี-วัฒนธรรม-ศีลธรรม ดาวเจ้าเรือนอริที่ไปสถิตในราศีพฤษภเรือนธาตุดินจะเป็นปัญหาหรือเป็นอุปสรรคที่ไม่ได้ส่งผลเสียหายรุนแรง และถ้าหมายถึงศัตรูก็ไม่ได้เป็นศัตรูที่ร้ายกาจมากนัก
ดาวพฤหัสที่เป็นเจ้าเรือนอริมาสถิตราศีพฤษภนี้เราสามารถเลือกใช้ความหมายแบบเห็นได้ชัดก็คือ เกิดปัญหาจากการที่ตนเองยึดติดกฎเกณฑ์หรือยึดถืออุดมการณ์ของตนมากเกินไป หรือเป็นการยึดติดอยู่กับสิ่งที่ตนเองเรียนรู้มาโดยไม่ค่อยเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ทำให้เกิดการชะลอตัวด้านพัฒนาการหรือมีพัฒนาการอย่างเชื่องช้า ส่วนความหมายจากเรือนมรณะก็ส่งผลทำให้ตนเองมองว่าสิ่งที่เรียนรู้มานั้นครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หรือเข้าใจว่าตนเองเรียนรู้ศึกษาจนหมดสิ้นแล้ว ทีนี้ก็จะมองเห็นแล้วว่าดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่สถิตเรือนมรณะราศีพฤษภนั้นสร้างปัญหาให้กับตนเองอย่างไร

ถ้าหากดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนราศีอื่นก็จะเป็นปัญหาที่แตกต่างไป เช่นถ้าหากดาวพฤหัสไปสถิตราศีกุมภ์ก็จะหมายความว่าเกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคเพราะการไม่เอาจริงเอาจังในด้านการศึกษา หรือปัญหาที่เกิดจากการไม่ใช้ความรู้ที่เล่าเรียนมา หรือเกิดปัญหาเพราะไม่เคารพ-ไม่ยึดถือระเบียบ-กฎกติกาก็ได้ ซึ่งเราสามารถจะแยกแยะพฤติกรรมในการทำให้เกิดปัญหาของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริในแต่ละราศีโดยคร่าวๆได้ดังนี้ สถิตราศีธาตุดินทำให้ปัญหาเกิดจากการยึดติด-ยึดถือหรือรอบคอบคิดแล้วคิดอีกจนเชื่องช้า สถิตราศีธาตุลมทำให้ปัญหาเกิดจากการละเลยหรือปล่อยวางหรือคิดเร็วเกินไปจนขาดความรอบคอบ สถิตราศีธาตุน้ำทำให้ปัญหาเกิดจากการไม่กระตือรือร้น,ไม่จริงจังมักมีความคิดเห็นคล้อยตามผู้อื่นหรือมักรอความช่วยเหลือ สถิตราศีธาตุไฟทำให้ปัญหาเกิดจากการความคิดที่จริงจังและมีความเข้มงวดในกฎระเบียบที่มากเกินไป

แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็ยังต้องดูดาวศุกร์ตนุลัคน์ว่าสถิตในราศีใด เพราะตนุลัคน์นี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเลือกใช้ความหมายของดาวพฤหัส เช่นดวงตัวอย่างที่ให้ดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือนอริราศีมีนก็แสดงว่ามีลัคนาราศีตุลย์ ถ้าจะสมมติในสองดวงชะตาที่ลัคนาราศีตุลย์แล้วดวงหนึ่งมีดาวศุกร์สถิตราศีตุลย์กับอีกดวงหนึ่งมีดาวศุกร์สถิตราศีสิงห์ ทั้งสองดวงชะตาก็จะมีความหมายของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่ไปสถิตเรือนมรณะที่ไม่เหมือนกัน เพราะดาวศุกร์ตนุลัคน์ที่สถิตราศีตุลย์จะเป็นคนที่ชอบความสนุกสนานรื่นเริงและไม่กระทำอะไรจริงจังนัก แต่ดาวศุกร์ในราศีสิงห์จะเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและไม่ชอบอยู่นิ่งเฉยมีความจริงจังในสิ่งที่กระทำ ดังนั้นผลจากดาวศุกร์ตนุลัคน์ทั้งสองราศีเช่นนี้จะเลือกความหมายของดาวพฤหัสที่ไม่เหมือนกันก็คือ
ถ้าดาวศุกร์ในราศีตุลย์ก็จะเลือกความหมายของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่ว่า มีปัญหาที่เกิดจากระบบหรือระเบียบที่ตนเองเหมือนถูกตีกรอบ และถ้าพิจารณาดาวพฤหัสเป็นเรื่องการศึกษาก็จะเกิดปัญหาเพราะเลือกเรียนแต่ในสิ่งที่ตนเองชอบเท่านั้น เมื่อเบื่อหน่ายหรือไม่สนุกในการเรียนก็จะเปลี่ยนไปหาสิ่งที่ชอบและสนุกกว่า
แต่ถ้าเป็นดาวศุกร์ในราศีสิงห์ก็จะเลือกความหมายของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่ว่า ปัญหาเกิดจากความมั่นใจและหยิ่งทะนงในความรู้ความสามารถของตน และจะยึดถือความคิดเห็นของตนเองอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นจะเห็นว่าตนุลัคน์เป็นส่วนสำคัญในการทำนายดวงชะตาที่เราต้องใช้เป็นตัวตัดสินชี้ขาดความหมายของดาวทั้งหมดในดวงชะตาทั้งหมด ไม่ควรนำความหมายดาวหรือเรือนมาใช้โดยขาดการพิจารณาตนุลัคน์นะครับ 

ดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งที่ดี

             ดาวอาทิตย์ในดวงชะตานั้นเราจะใช้พิจารณาด้านความทะเยอทะยาน,ความสำเร็จ,ความโดดเด่นหรือการเป็นผู้นำ ฯลฯ ดังนั้นเมื่อดาวอาทิตย์ในดวงชะตาได้ตำแหน่งเกษตรหรืออุจจึงเป็นดาวอาทิตย์ที่โดดเด่นในความหมายที่กล่าวได้ชัดเจนที่สุด แต่ในบางครั้งจะเห็นว่าคนที่มีดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งเกษตรหรืออุจกลับไม่ได้ทำให้ดวงชะตาของผู้นั้นมีความสำเร็จหรือไม่ได้ทำให้เกิดความโดดเด่นเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเพราะดาวอาทิตย์ไม่ได้มีมุมสัมพันธ์กับตนุลัคน์หรืออาจจะมีมุมสัมพันธ์ในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ เช่นดาวอาทิตย์ไปอยู่เรือนด้านหน้าตนุลัคน์ หรือดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนอริ-วินาสน์ที่ได้ตำแหน่งเกษตร,อุจแล้วกุมตนุลัคน์ ซึ่งกรณีนี้ก็อาจจะได้รับความสำเร็จเช่นกันแต่ถ้าควบคุมพลังงานของดาวอาทิตย์ได้ไม่ดีพอก็จะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ตนเองด้วยเช่นกัน กรณีนี้จะเกิดผลเสียกับคนลัคนาราศีกันย์ที่ดาวพุธตนุลัคน์กุมดาวอาทิตย์ในราศีสิงห์ และผู้มีลัคนาราศีมีนที่ดาวพฤหัสตนุลัคน์กุมดาวอาทิตย์ในราศีสิงห์
ถ้าดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะที่ได้ตำแหน่งเกษตร-อุจแล้วกุมตนุลัคน์ ก็จะเกิดผลแห่งความสำเร็จหรือตนเองมีความโดดเด่นหรือเพิ่มกำลังในเรื่องของความทะเยอทะยานได้เช่นกัน แต่จะต้องเกี่ยวข้องในความหมายการเป็นเจ้าเรือนมรณะของดาวอาทิตย์ด้วย ซึ่งก็คือตนเองเคยมีความสำเร็จหรือเคยมีชื่อเสียงมาก่อนแล้วยังยึดติดในสิ่งนั้น หรือมีความสัมพันธ์ด้านการงานกับชาวต่างชาติที่มีหน้าที่การงานตำแหน่งสูง หรือสัมพันธ์กับผู้ที่เคยมีความสำเร็จหรือเคยมีชื่อเสียงเช่นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณอายุ(ทั้งเกษียนโดยปกติหรือเกษียนก่อนเวลา) กรณีนี้จะเป็นคนที่มีลัคนาราศีมังกรที่ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะกุมดาวเสาร์ ดาวเสาร์ตนุลัคน์ที่กุมดาวอาทิตย์จะเกิดพฤติกรรมในการดิ้นรนขวนขวายด้วยความทะเยอทะยานในแบบเห็นแก่ตัวหรืออาจเป็นในแบบของการอิจฉาริษยา และเมื่อเกิดความสำเร็จหรือมีชื่อเสียงก็จะทำให้เกิดการยึดติดและหวงแหน และการกุมกันของดาวทั้งสองนี้ยังต้องดูธาตุของราศีอีกด้วยเพราะธาตุในแต่ละราศีจะทำให้ดาวเสาร์เกิดพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป และความหมายเรือนจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าการกระทำของดาวเสาร์จะส่งผลไปในลักษณะใด เช่นถ้ากุมกันในเรือนอริก็จะเป็นทำให้การกระทำของดาวเสาร์กุมดาวอาทิตย์นี้เกิดเป็นปัญหาตามมาในภายหลัง และถ้าหากดาวพุธเจ้าเรือนอริไปสถิรราศีธาตุไฟก็จะเป็นการบอกเตือนว่าการกระทำของดาวเสาร์ในเรือนอรินั้นจะก่อปัญหาที่รุนแรงตามมา หรือถ้าดาวพุธไปสถิตราศีธาตุดินก็จะเป็นปัญหาที่สะสมรอวันแตกหักในวันใดวันหนึ่ง
(ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะกุมตนุลัคน์จะให้ผลที่ไม่เหมือนกับการที่ดาวอาทิตย์กุมตนุลัคน์ในเรือนมรณะ เพราะการที่ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนอื่แล้วกุมตนุลัคน์ในเรือนมรณะนั้น จะต้องนำความหมายเจ้าเรือนเดิมของดาวอาทิตย์มาเป็นส่วนประกอบในการออกคำทำนายด้วย)

กรณีที่ดาวตนุลัคน์สถิตเรือนก่อนหน้าของดาวอาทิตย์(ตนุเบียนดาวอาทิตย์) เช่นดาวอาทิตย์สถิตราศีสิงห์(เกษตร)แล้วมีตนุลัคน์สถิตราศีกรกฎ หรือดาวอาทิตย์สถิตราศีเมษ(อุจ)แล้วมีตนุลัคน์สถิตราศีมีน ในลักษณะนี้จะทำให้เจ้าชะตาเป็นเพียงการได้ติดตามใกล้ชิดหรือเป็นผู้ดูแลหรือได้ร่วมงานกับคนที่มีความสำเร็จ-มีชื่อเสียงหน้าตา เช่นเป็นเลขาฯคนสนิทของผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์หรือเป็นเลขาฯผู้บริหารระดับสูง , เป็นช่างแต่งหน้าดารา-นักแสดง , เป็นผู้จัดการส่วนตัวของดารา-นักร้องที่มีชื่อเสียง ฯลฯ เพราะธาตุน้ำของราศีเป็นส่วนทำให้ตนุลัคน์เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ ดังนั้นดาวอาทิตย์ที่มีตำแหน่งดีในดวงชะตาจึงอาจไม่ได้ส่งผลให้เจ้าชะตามีชื่อเสียงหน้าตาหรือไม่ได้ทำให้เกิดความสำเร็จโดยตรงต่อตนเอง

ทุกครั้งในการพิจารณาดวงชะตาควรต้องดูพฤติกรรมของตนุลัคน์เป็นสำคัญ ถ้าหากไปดูแค่ดาวที่ได้ตำแหน่งแล้วนำมาใช้ทำนายโดยทันทีก็จะเกิดความผิดพลาดได้ อย่างดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งเกษตร-อุจที่นำมาอธิบายนี้ถ้าหากตนุลัคน์เป็นดาวที่ไม่มีความกระตือรือร้นก็จะทำให้ดาวอาทิตย์กลายเป็นแรงกดดันต่อตนเองได้เช่นกัน และในการอธิบายนี้ยังสามารถนำไปใช้พิจารณากับดาวทุกๆดวงที่ได้ตำแหน่งมาตรฐานว่าส่งผลให้ดวงชะตาเกิดผลดีตามความหมายดาวนั้นๆหรือไม่ ขอให้ท่านนำไปพิจารณาให้เกิดประโยชน์กับการศึกษาโหราศาสตร์นะครับ 

ดาวในราศีธาตุไฟ

              จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ไม่กี่วันมานี้จะเห็นข่าวของคนที่ทำร้ายตนเองเพราะสาเหตุของความรัก ในแว๊บแรกของผมจะเห็นกลุ่มดาวในราศีธาตุไฟในทันทีโดยเฉพาะตนุลัคน์จะต้องในราศีธาตุไฟหรือถูกดาวในราศีธาตุไฟเล็งอยู่ จึงอดใจไม่ไหวต้องทำการค้นหาเหตุผลโดยผูกดวงจากวันเดือนปีเกิดที่ค้นเจอจากในเน็ต(แต่ไม่ทราบเวลาเกิด) ก็จะเห็นว่ามีดาวสถิตในราศีธาตุไฟอยู่จริง และมีอยู่ด้วยกัน 3 ดาวคือ ดาวอาทิตย์-ดาวพุธในราศีสิงห์ และมีดาวพฤหัสในราศีธนู กลุ่มดาวทั้งสามนี้โดยรากฐานของระบบธาตุจะส่งผลให้เป็นคนฉลาดและกล้าพูดกล้าคิด หยิ่งทะนงและเป็นคนมีหลักการในการดำเนินชีวิตเป็นของตนเอง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้อาจไปสร้างความขุ่นเคืองหรือทำให้เกิดการไม่สบอารมณ์แก่ผู้อื่นได้บ้าง แต่ตนเองก็จะไม่แคร์เพราะมีความมั่นใจในความคิดเห็นของตนเองว่าถูกต้อง(เพราะอีโก้แรง) และเมื่อพิจารณาถึงประวัติในชีวิตของเจ้าชะตาทั้งช่วงที่มีการแยกทางกันของบิดา-มารดา แล้วตนเองต้องอยู่ในการดูแลของบิดา และช่วงที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก็ทำให้ผมสามารถคาดคะเน(ขอเน้นว่า.. คาดคะเนแบบใช้หลักการในระบบธาตุ)ดวงชาตานี้น่าจะมีลัคนาราศีกันย์ มากกว่าจะเป็นลัคนาราศีสิงห์...
เมื่อ(คาดคะเน)เห็นว่าลัคนาราศีกันย์ทำให้ดาวพุธตนุลัคน์สถิตเรือนวินาสน์กุมดาวอาทิตย์เช่นนี้ ยิ่งทำให้ตนเองเกิดอีโก้รวมถึงมีความคิดและอุดมคติที่มักสร้างปัญหาให้แก่ตนเอง ดาวในลักษณะนี้เมื่อรุ่งเรืองจะต้องเกิดปัญหาอุปสรรคตามมาในทุกๆครั้ง เพราะดาวอาทิตย์เจ้าเรือนวินาสน์คอยกระตุ้นและกดดันดาวพุธให้สร้างความโดดเด่น,สร้างชื่อเสียงอยู่ตลอดเวลา และก็ด้วยดาวอาทิตย์ดวงเดียวกันนี้ที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสียขึ้นจากอีโก้และวาจาหรือแนวความคิดของตน แล้วดาวพุธและดาวอาทิตย์ทั้งสองดวงนี้ก็ยังส่งผลเบียนจากราศีสิงห์เรือนวินาสน์ไปสู่ดาวศุกร์ที่มีความหมายด้านหนึ่งซึ่งหมายถึงอารมณ์ความรัก ทำให้เกิดเป็นอารมณ์ความรักที่จริงจัง,ร้อนรน,ไม่สงบสุขและเป็นความรักที่เกิดอย่างรวดเร็วตามอารมณ์ที่ตนเองต้องการโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านหรือท้วงติงจากใคร ส่วนดาวปัตนิที่เป็นดาวพฤหัสสถิตในราศีธนูเรือนธาตุไฟทำให้เห็นว่าเมื่อมีคู่ครองก็จะได้คนที่มีความคิดเห็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งยากที่จะโน้มน้าวให้คล้อยตามตนเอง แต่การดูปัตนินั้นต้องพิจารณาว่าก่อนที่จะเป็นคู่ครองจะต้องเป็นแฟนกันก่อน ดังนั้นดาวพฤหัสในตอนแรกที่เข้ามาจีบใหม่ๆก็จะเป็นในรูปแบบของคนที่ฉลาด,มีความรับผิดชอบแบบผู้ใหญ่ เป็นคนที่จริงจังและมีความรับผิดชอบ พูดตรง พูดจริง คิดสิ่งใดก็จะทำในสิ่งนั้นให้เกิดผล กล้าที่จะเข้าหาคนที่ตนเองหมายปอง(แต่ดาวพฤหัสในราศีธนูเรือนพันธุนี้จะแอบแฝงของความขัดแย้งระหว่างคู่ครองกับคนในครอบครัวอยู่ด้วย) เมื่อคบหากันจนลึกซึ้งหรือได้อยู่กินกันในฐานะคู่ครองและเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ดาวพฤหัสนี้ก็จะแสดงบทบาทของตนเองมากขึ้น ทำให้คู่ครองเกิดความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับเจ้าชะตาได้ในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะคู่ครองมักต้องการที่จะอบรมสอนสั่งให้เจ้าชะตาอยู่ในโอวาทให้มากที่สุด และตนุลัคน์ของเจ้าชะตาก็เป็นดาวที่อยู่ในราศีธาตุไฟแถมมีดาวอาทิตย์กุมอยู่ด้วยทำให้มีศักดิ์ศรีจึงไม่อาจจะยอมคล้อยตามให้แก่คู่ครองได้ง่ายๆ เมื่อเป็นเช่นนี้นานวันเข้าก็จะกลายเป็นแรงกดดันต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆไปตามระยะเวลา

ส่วนสาเหตุของการทำร้ายร่างกายตนเองก็เป็นสาเหตุมาจากที่ตนุลัคน์มาสถิตราศีธาตุไฟ(ตามการอ่านจากพื้นดวง) ทำให้เกิดผลในด้านการคิดและการตัดสินใจที่รวดเร็วมากเกินไป,เด็ดขาดและมั่นใจมากเกินไป และที่สำคัญคือเมื่อไปสถิตราศีสิงห์ทำให้ยึดถืออีโก้ของตนเองมาก เมื่อได้รับความผิดหวังล้มเหลวก็จะรับไม่ได้กับสิ่งที่คิดว่าตนเองกำลังพ่ายแพ้ ดาวพุธในราศีธาตุไฟเมื่อหาทางออกไม่ได้ก็จะทำให้เกิดเป็นความร้อนรนในจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆด้วยอิทธิพลของธาตุไฟที่ดาวสถิต ส่วนผลที่เกิดในช่วงนี้ก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นผลจากดาวศุกร์ที่จรเข้าราศีสิงห์ อาจจะสงสัยว่าดาวศุกร์จะไปทำให้เกิดผลเสียด้านความรักได้อย่างไร ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นผลจากการที่ดาวศุกร์จรทับส่งธาตุน้ำไปสู่ดาวพุธตนุลัคน์(ดาวคู่ธาตุ)และดาวอาทิตย์(ดาวคู่สมพล) ดาวอาทิตย์เมื่อได้รับธาตุน้ำก็มีผลทำให้เกิดการคลายตัวในเรื่องความทะนงตัวลง คลายตัวในการในเรื่องการรักษาชื่อเสียงหน้าตาของตนเอง จึงสามารถทำอะไรที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อตนเองในเรื่องของชื่อเสียงและหน้าตา ส่วนผลที่มีต่อดาวพุธก็ทำให้เกิดความคิดฝันหวานในเรื่องของความรัก ซึ่งจะลดทอนความเข้มแข็งของจิตใจลงไปเป็นอย่างมาก และทำให้เกิดการสื่อสารในแนวอ้อนวอนงอนง้อ เมื่อเรือนที่ดาวศุกร์จรเข้าไปเป็นเรือนวินาสน์ทำให้ความฝันหวานและจิตใจที่เกิดความอ่อนแอของดาวพุธจึงเป็นสิ่งที่สร้างผลเสียให้แก่ตนเอง ผลทั้งหมดนี้ส่งผ่านทางมุมตรีโกณไปสู่ดาวพฤหัสเจ้าเรือนปัตนิ แสดงว่าก่อนที่จะตัดสินใจทำร้ายตนเองนั้นเจ้าชะตาจะต้องมีการอ้อนวอนงอนง้อต่อปัตนิมาก่อนอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่กระทำไปนั้นเป็นผลที่ส่งจากราศีสิงห์เรือนธาตุไฟไปสู่ดาวปัตนิในราศีธนู ทำให้ดาวปัตนิเกิดความรุ่มร้อนเพิ่มมากขึ้นและปัตนิจะรับผลจากการงอนง้อมาแปลงเป็นธาตุไฟจึงกลายเป็นว่าเจ้าชะตาเข้ามายื่นคำสั่งหรือยื่นคำขาดมากกว่า ซึ่งทำให้การงอนง้อนั้นไม่เกิดผลดีแก่เจ้าชะตาแต่อย่างใดเลย

แต่ในมุมร้ายก็ยังมีมุมที่ดีหลงเหลืออยู่เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนที่ดาวเสาร์จรพักร เพราะถ้าดาวเสาร์จรปกติจะส่งผลทำให้เกิดการตัดสินใจที่เด็ดขาดและรุนแรงกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะดาวเสาร์กำลังจรทับดาวอังคารที่มักส่งผลด้านร้ายแรงให้แก่ดวงชะตา แต่ดวงชะตานี้ก็มีโชคดีอีกครั้งเมื่อดาวเสาร์จรปกติก็ยังมีดาวพฤหัสจรเข้าทับตนุลัคน์อยู่ก่อนแล้ว จึงมีโอกาสที่จะทำให้เจ้าชะตาปลีกตัวไปหาทางสงบด้านจิตใจและทำให้มีสติปัญญาหรือทำให้ตัดใจได้ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งนั่นจะเป็นทางแก้ไขที่ดีที่สุดของเจ้าชะตาเท่าที่เห็นได้จากผลของดาวจร

หากจะวิจารณ์ว่าการพิจารณาดวงชะตาของผมในครั้งนี้เป็นในแบบว่าหวยออกแล้วค่อยมาออกคำทำนาย ก็ขอเถียงว่ามีส่วนที่ใช้ข้อมูลจากข่าวมาประกอบการทำนายเป็นส่วนน้อยเท่านั้น เพราะใน Blog ก็มีกล่าวเช่นนี้ไว้และในการลูกศิษย์ของผมก็มักบอกอยู่เสมอว่า “ดาวที่สถิตในราศีธาตุไฟนั้นมักส่งผลร้ายให้แก่เจ้าชะตาโดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นเจ้าเรือนอริ,มรณะ,วินาสน์ และในขณะเมื่อใดมีดาวจรเข้าส่งผลกระทบก็เกิดเหตุร้ายได้ในช่วงนั้นทันที” และในทางชันษาจรก็จะมีการเปลี่ยนลัคนาในทุกๆปี ดังนั้นราศีธาตุไฟจึงสามารถเป็นเรือนอริหรือดาวเจ้าเรือนอริสถิตในราศีธาตุไฟได้ในสักปี และเมื่อผมคาดคะเนว่าเจ้าชะตามีลัคนาราศีกันย์เมื่อนับชันษาจรปีนี้จะตกที่ราศีมีน ทำให้ราศีสิงห์เป็นเรือนอริและมีดาวสถิตคือดาวอาทิตย์(เจ้าเรือนอริปี)และดาวพุธ(เจ้าเรือนปัตนิปี) ดังนั้นจึงเห็นผลกระทบจากดาวในเรือนอริราศีธาตุไฟมาสู่ดาวพฤหัส(ตนุปี)ที่ราศีธนูได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเองครับ 

ดาวเจ้าเรือนอริ กุมลัคนา

          ดวงชะตาที่มีลัคนาราศีเมษ ก็จะต้องมีดาวพุธเป็นดาวเจ้าเรือนอริ ความหมายคร่าวๆของดาวพุธคือความคิด,การสื่อสาร ฯลฯ ดังนั้นเราก็จะทราบโดยคร่าวๆแล้วว่าปัญหาหรืออุปสรรคสำหรับดวงชะตานี้คือความคิดและการสื่อสาร เมื่อดาวพุธเจ้าเรือนอริไปสถิตราศีเมษเรือนธาตุไฟ ปัญหาและอุปสรรคจะเกิดจากรากฐานความคิดที่แข็งกร้าวและดื้อดึงพร้อมจะประทะคารม ซึ่งปัญหาก็มักจะเกิดแบบปุบปับฉับพลันหรือรุนแรงเพราะผลของธาตุไฟจากราศีเมษเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดดังนั้น (แต่ถ้าหากดาวพุธเจ้าเรือนอริไปสถิตราศีกรกฏเรือนธาตุน้ำก็แสดงถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพราะมีความคิดที่คล้อยตามผู้อื่นมากเกินไป ไม่กล้าที่จะตอบปฏิเสธหรือไม่กล้าถกเถียง การพูดจาเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนัก,ไม่น่าเชื่อถือ ฯลฯ) การอ่านโดยการใช้ความหมายของดาวที่เป็นเจ้าเรือนอริทำให้เรารู้ถึงสาเหตุและพฤติกรรมที่สร้างปัญหาหรืออุปสรรคได้โดยชัดเจน อ่านดาวใดก็ใช้ความหมายของดาวนั้นๆมาเป็นฐานได้เลย ขอยกอีกตัวอย่างเช่นสมมติมีดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนอริก็ทำให้ทราบว่าปัญหาและอุปสรรคเกิดจากโทสะ,ความวู่วาม,มุทะลุ,การต่อสู้แข่งขัน ฯลฯ หรือมีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนอริก็ทำให้ปัญหาและอุปสรรคมักเกิดจากการรักความสบาย,ความขี้เกียจ,ติดความสุข ฯลฯ

ในคราวนี้จะขออธิบายแยกแยะพฤติกรรมของเจ้าชะตาไปตามดาวอังคาร(ตนุลัคน์)ที่สถิตในแต่ละราศี ซึ่งตรงนี้เราจะเห็นถึงความแตกต่างของดวงชะตาที่แม้จะมีดาวพุธเจ้าเรือนอริสถิตกุมลัคน์ราศีเมษที่เดียวกัน แต่ตนุลัคน์ที่ไปสถิตต่างราศีก็จะทำให้เจ้าชะตามีพฤติกรรมในการรับผลกระทบที่แตกต่างกันไปด้วย ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะความหมายด้านพฤติกรรม  จะไม่กล่าวถึงความหมายด้านการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือการบาดเจ็บจากความหมายของเจ้าเรือนอริ

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีเมษ ดาวอังคารนี้จะเป็นนักสู้และเจ้าโทสะพร้อมจะบุกตะลุยฟันฝ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า จึงเป็นคนที่กล้าสู้กล้าลุยไม่เกรงกลัวกับปัญหาทุกชนิด ยิ่งมีปัญหายิ่งทำให้เกิดความท้าทาย เป็นคนไม่เคยกลัวปัญหาไม่ว่าจะมาในลักษณะใด แต่ปัญหาที่มีเข้ามาก็มักจะแรงและฉับพลันเสมอ ดังนั้นดวงชะตาเช่นนี้จึงเป็นคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาทุกรูปแบบอยู่ตลอดเวลา และตนเองก็ยังเป็นผู้ก่อปัญหาเองด้วยก็ได้เพราะดาวอังคารอยู่ในราศีธาตุไฟที่ไม่เกรงกลัวผู้ใด สามารถสร้างความขัดแย้งได้ทั้งทางวาจาและการปะทะทางร่างกาย ดังนั้นดวงเช่นนี้จึงมีทั้งผลดีและผลเสียอย่างชัดเจนพร้อมๆกัน แต่เนื่องด้วยดาวอังคารตนุลัคน์ที่กุมอยู่กับดาวพุธในราศีเดียวกัน มีผลทำให้เจ้าชะตามักจะแพ้คำพูดที่หวานหูและคำเยินยอ(เนื่องจากเป็นการกระทำที่มาจากเรือนอริ)

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีพฤษภ ดาวอังคารในราศีนี้ได้รับอิทธิพลของดาวศุกร์เจ้าราศี จึงมีพฤติกรรมเลือกทำในสิ่งที่ตนเองมีความสะดวกหรือมีความสุขเป็นที่ตั้ง แต่ธาตุดินจะทำให้ดาวอังคารมีความอดกลั้น,อดทนได้ค่อนข้างดี แต่ผลจากดาวพุธที่เบียนจากราศีธาตุไฟนั้นทำให้ต้องอึดอัดและต้องอดทนกับปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน และโดยปกติจะเป็นคนนิ่งงแต่เมื่อถูกว่ากล่าวก็จะเถียงอย่างไม่ลดละและกระทำในทันที ในส่วนของการแก้ไขปัญหาก็มีการดำเนินไปด้วยเช่นกันแต่จะเลือกหนทางที่ตนเองคิดว่าง่ายและสะดวกเสียก่อน อันไหนยากๆก็จะวางพักเอาไว้ไม่เข้าไปดำเนินการจนกลายเป็นไฟลนก้นจึงจะรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดาวอังคารที่ถูกดาวพุธเบียนเช่นนี้มักถูกเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องรบกวนหยิบยืมเงินทองอยู่เสมอ(ดาวพุธเป็นเจ้าเรือนสหัชชะด้วย) จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องเกิดปัญหาทะเลาะถกเถียงต่อกันได้ประจำ ถ้าให้ยืมไปก็คงถูกเชิดหรือหากมีการทวงถามก็คงได้คืนยากและถ้าไม่ให้ก็ต้องถูกด่าทอให้เจ็บช้ำใจหรือเกิดการทะเลาะวิวาทต่อกันอีกด้วย

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีมิถุน ดาวอังคารในราศีนี้จะมีไหวพริบปฎิภาณในการนำไปแก้ไขปัญหา แต่ถ้าเป็นปัญหารุนแรงก็จะคิดหาวิธีในการแก้ไขปัญหานั้นๆอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็อาจจะหาทางหลีกเลี่ยงเช่นถ้าเกิดความขัดแย้งด้านวาจาก็อาจจะมีถกเถียงบ้างแล้วก็จะหลบเลี่ยงไม่ยอมปะทะรุนแรง

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีกรกฎ ดาวอังคารนี้จะได้รับผลจากธาตุน้ำทำให้เกิดการอ่อนโยนมากขึ้น และยังทำให้ดาวอังคารขาดความกระตือรือร้นในการที่จะต่อสู้ปัญหา นิยมการประนีประนอมมากกว่าที่จะเข้าประทะหักหาญ เป็นดาวอังคารที่เน้นในเรื่องของการมีน้ำใจและการแบ่งปันช่วยเหลือ ดาวพุธเจ้าเรือนอริที่มาสถิตในราศีเมษจึงเป็นปัญหาที่รุนแรงอย่างมากต่อดาวอังคารซึ่งคงไม่สามารถรับมือดาวพุธได้มากนัก จึงมักจะตกเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ร่ำไปไม่กล้าที่จะขัดแย้งกับผู้ที่เข้ามาสร้างปัญหา ต้องคอยหลบเลี่ยงหรือคอยหาคนเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยแบ่งเบาอยู่ร่ำไป

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีสิงห์ ดาวอังคารนี้จะเกิดผลแห่งการยึดติดศักดิ์ศรีและกล้าต่อสู้เพื่อรักษาหน้าตาของตนเอง เป็นดาวอังคารที่ขยันขันแข็งเดินหน้าเพื่อไขว่คว้าหาความสำเร็จอย่างไม่ย่อท้อ เมื่อเกิดปัญหาก็จะรีบเร่งแก้ไขให้ลุล่วง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมักเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเสื่อมเสียหรือถูกติฉินนินทา จึงต้องคอยออกแรงต่อสู้เพื่อปกป้องชื่อเสียงอยู่เสมอๆ ดาวอังคารในราศีนี้ยังมองว่าปัญหาหรืออุปสรรคนั้นเป็นสิ่งท้าทายเหมือนดาวอังคารในราศีเมษ แต่จะไม่ใช้อารมณ์ในการเข้าต่อสู้หักหาญเท่ากับดาวอังคารในราศีเมษ เพราะดาวอังคารในราศีนี้ยังมีชื่อเสียงและหน้าตาเป็นสิ่งค้ำคออยู่ จึงไม่กล้าที่จะมุทะละบ้าระห่ำได้มากนัก แต่ถ้าเป็นการถูกดูหมิ่นดูแคลนหรือมาเหยียดหยามก็จะสู้ตายได้เช่นกัน

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีกันย์ ดาวอังคารในราศีนี้แม้จะเป็นเรือนอริแต่ธาตุดินก็ไม่ได้ทำให้ดาวอังคารชอบสร้างปัญหาตามที่เข้าใจ แต่กลับจะทำให้มีการยั้งอารมณ์และโทสะได้ดีกว่าเดิม เพราะราศีธาตุดินไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการกระทำด้านบุกหรือการรุกไล่ (ดาวในราศีธาตุไฟหรือราศีธาตุลมจึงจะบุกและรุกไล่ได้มากกว่า) หากดาวอังคารนี้จะมีปัญหาก็เป็นเพราะการคิดไตร่ตรองที่มากเกินไปหรือมีการตัดสินใจที่ช้าไปสักนิด เพราะดาวอังคารในราศีกันย์เรือนอรินี้จะค่อยๆใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหา แต่ถ้าเป็นปัญหาใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนก็จะค่อยๆคิดหาวิธีแก้ไขอย่างไม่เร่งรีบ แต่การแก้ไขปัญหาในแบบใช้ฐานความรู้เก่าๆหรือทำแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ มักจะไม่ค่อยทันการกับดาวพุธเจ้าเรือนอริที่ไปสถิตราศีเมษ ดังนั้นดาวอังคารในราศีนี้จึงบางทีอาจจะไม่สามารถรองรับผลเสียของดาวพุธได้ดีเท่าไหร่นัก แต่ถ้าดาวอังคารในราศีกันย์มีดาวเบียนจากราศีสิงห์ก็จะทำให้รับมือกับดาวพุธเจ้าเรือนอรินี้ได้เป็นอย่างดี

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีตุลย์ จะทำให้ดาวอังคารยิ่งเกิดการผันผวนไม่จริงจังกับการแก้ไขปัญหา มักติดอยู่กับความสนุกสนานสะดวกสบายและเป็นคนขี้เล่นจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับปัญหาหรืออุปสรรคที่มีเข้ามา ใครจะว่าจะดุอย่างไรก็อาจจะทำเป็นหูทวนลมแถมบางทียังเย้าแหย่ให้ฝ่ายตรงข้ามหายโกรธได้อีกด้วย ดาวอังคารตนุลัคน์ในดวงชะตานี้จึงเป็นการสื่อถึงผู้ที่หากจะลงมือแก้ไขปัญหาก็ทำแบบทีเล่นทีจริงไม่ทุ่มเทมากนัก การละทิ้งปัญหาจะเกิดขึ้นได้ง่ายด้วยเช่นกัน แต่เนื่องด้วยดาวพุธที่ทำมุมเล็งอยู่กับดาวอังคารจึงส่งธาตุไฟมาสู่ดาวอังคารด้วย จึงทำให้ดาวอังคารเกิดผลเสียในทางอารมณ์โดยเฉพาะในด้านการสื่อสาร แต่ผลเสียนี้ดาวอังคารจะส่งถึงแค่เรือนปัตนิหรือเรือนอื่นๆที่ดาวอังคารทำมุมสัมพันธ์ถึงเท่านั้น

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีพิจิก แม้จะเป็นเกษตรแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดาวอังคารเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาได้เลย เพราะเป็นราศีธาตุน้ำจึงทำให้ดาวอังคารเกิดการชะลอตัวและมีความรื่นรมย์สงบนิ่ง จะมองว่าเป็นการเฉยเมยต่อปัญหาก็ได้ แต่การเฉยเมยนี้หากจะมองเป็นการยอมจำนนมากกว่าเป็นการไม่ยอมลงมือแก้ไข คือได้พยายามแล้วแต่ไม่สามารถทำได้จึงต้องยอมให้ปัญหาดำเนินไปตามยถากรรมของชีวิต หากมองว่าราศีพิจิกเป็นเรือนมรณะแล้วจะหมายถึงดาวอังคารหนีปัญหาได้หรือไม่.. ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะพฤติกรรมหลบเลี่ยงหรือหนีจะต้องเป็นดาวในราศีธาตุลมมากกว่าธาตุน้ำ

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีธนู ทำให้ดาวอังคารนี้มีความฉลาดกระตือรือร้นในการใฝ่หาความรู้ ชอบต่อสู้ด้านความคิดและใช้ปัญญาในการเอาชนะ ดาวพุธที่ตรีโกณจากราศีราศีเมษจึงทำให้เกิดปัญหาที่รวดเร็วและรุนแรง และมักเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย,วิชาการ,ความรู้ ฯลฯ แต่ด้วยตนุลัคน์ที่เป็นนักสู้และมีความฉลาดจึงสามารถรับมือกับปัญหาเช่นนี้ได้เป็นอย่างดี ดาวอังคารในราศีนี้มักส่งให้เจ้าชะตามีความถนัดในการกระทำที่ผสมกับความรู้ความสามารถในการเข้าต่อสู้ปัญหาที่มีเข้ามา เช่นผู้ที่มีอาชีพตำรวจ วิศวกร ทนาย อัยการ ผู้พิพากษา ข้าราชการฝ่ายปกครองหรือฝ่ายตรวจสอบต่างๆ ฯลฯ

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีมังกร จะทำให้ดาวอังคารนี้มีความอึดและอดทนเป็นอย่างมาก และราศีมังกรยังส่งผลให้เป็นดาวอังคารเกิดภาวะที่ต้องทนอยู่อย่างอึดอัดเคร่งเครียด ดาวพุธเป็นปัญหาที่รุนแรงซึ่งดาวอังคารนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีจึงกลายเป็นความเครียดที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยเป็นดาวอังคารที่มีความอดทนสูงจึงสามารถเก็บกดอารมณ์ได้เป็นเวลานาน แต่ก็ต้องระเบิดออกมาด้วยความรุนแรงไม่วันใดก็วันหนึ่ง (เมื่อมีดาวธาตุลมหรือดาวธาตุไฟจรเข้ามาทับราศีมังกร) และดาวอังคารในราศีมังกรนี้จะโดดเด่นในด้านงานที่ต้องใช้ทักษะที่สะสมมาเป็นเวลานาน ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นถ้าเป็นเรื่องการงานก็มีการเก็บสะสมไว้เป็นประสบการณ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ดีในวันข้างหน้า

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีกุมภ์ ราศีธาตุลมและความหมายของดาวราหูทำให้เกิดผลแห่งความต้องการอิสระและมีอารมณ์ที่ผันผวนสูง ปัญหาที่เกิดขึ้นบางครั้งก็มาจากการที่ตนเองมีนิสัยไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญในกฎระเบียบของสังคม มีพฤติกรรมที่ขึ้นกับอารมณ์ของตนเองที่มากจนเกินไป หากจะทำการแก้ไขปัญหาใดๆก็จะมีรูปแบบวิธีพิเศษที่ไม่เหมือนใคร อาจคิดค้นทางลัดในการแก้ไขปัญหาหรือหลอกล่อให้ผู้อื่นเข้ามาช่วยแก้ไขก็เป็นได้ เพราะดาวอังคารนี้จะมีความเจ้าเล่ห์และมีความคิดแบบนอกกรอบกติกา แต่ถ้าปัญหาเกิดความรุนแรงมากเกินไปก็จะละทิ้งไม่ให้ความสนใจได้ในทันที

ถ้าดาวอังคารตนุลัคน์สถิตราศีมีน ทำให้ดาวอังคารมีนิสัยอ่อนโยนยอมอยู่ในกรอบของสังคมและกติกาได้เป็นอย่างดี มีความนอบน้อมเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่นิยมการโต้แย้งไม่ว่าจะกับผู้ใหญ่หรือกับผู้ใด ปัญหาที่เกิดจากดาวพุธที่เป็นเรื่องรุนแรง ทำให้เจ้าชะตาต้องคอยพึ่งพาอาศัยผู้ใหญ่ให้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไข เมื่อใดที่ถูกต่อว่าหรือมีความขัดแย้งด้านความคิดอย่างรุนแรง ก็จะหลบไปหามุมสงบเพื่อค่อยๆหาวิธีแก้ไขจะไม่กล้าปะทะต่อสู้ถกเถียงซึ่งหน้าแต่อย่างใด หรืออาจจะเรียกว่าการใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวก็เป็นเช่นกัน ถ้ามองในมุมบวกมากๆก็อยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่หลบหนีปัญหาด้วยการเข้าหาธรรมะก็ได้

มุมเบียน มีวิธีใช้อย่างไร

           เป็นมุมที่มีความสำคัญซึ่งบางทีผมให้คะแนนความสำคัญได้เกือบเท่ากับมุมกุมเลยทีเดียว แต่ความโดดเด่นจะแตกต่างกับมุมกุมเพราะดาวเบียนจะเป็นการส่งผลจากธาตุของราศี(ไม่ใช่ส่งผลจากธาตุดาวเช่นมุมกุม) ผลจากมุมเบียนก็มีได้ทั้งดี-ร้ายขึ้นอยู่กับดาวที่เบียนและราศีที่เบียน มุมเบียนจะเกิดได้ต้องมีดาวอย่างน้อยสองดวงโดยแต่ละดวงสถิตในราศีที่ติดกัน โดยดาวที่อยู่ในราศีด้านหลังจะส่งผลไปสู่ดาวที่อยู่ในราศีด้านหน้า(การเบียนส่วนมากจะเป็นลักษณะทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นดาวราหูและดาวเกตุที่จะเบียนตามเข็มนาฬิกา)

ผลจากการเบียนจะเป็นเช่นใดก็ต้องดูจากความเป็นเจ้าเรือนของดาวที่เบียนและเรือนที่ดาวนั้นสถิตแล้วกำลังเบียนอยู่ ซึ่งตอนหัดอ่านใหม่ๆอาจจะสับสนบ้าง แต่ถ้าฝึกฝนบ่อยๆก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับการทำนายพื้นดวงได้เป็นอย่างดี

ผลจากการเบียนของแต่ละราศีมีดังนี้คือ
การเบียนจากดาวในราศีธาตุไฟไปสู่ดาวในราศีธาตุดิน จะเป็นการเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการกระตือรือร้น,สร้างแรงกดดัน,ทำให้กระฉับกระเฉงเอาจริงเอาจัง,สร้างปัญหา ฯลฯ
การเบียนจากดาวในราศีธาตุลมไปสู่ดาวในราศีธาตุน้ำ จะเป็นการเข้าไปทำให้เกิดความผันผวนไม่อยู่นิ่ง,มีความรวดเร็วแต่ไม่จริงจัง,เป็นการพัฒนาแบบชั่วคราว,เป็นความก้าวหน้าที่ไม่เกิดความมั่นคง,เป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วแต่ไม่ได้มีความมั่นใจแต่อย่างใด ฯลฯ
การเบียนจากดาวในราศีธาตุดินไปสู่ดาวในราศีธาตุลม จะเป็นการเพิ่มการยั้งคิด,เป็นการชะลอตัวไม่เร่งรีบ,เพิ่มความมั่นคง,เพิ่มการไตร่ตรอง,เพิ่มความประณีตบรรจง ฯลฯ
การเบียนจากดาวในราศีธาตุน้ำไปสู่ดาวในราศีธาตุไฟ จะเป็นการชะลอความร้อนรน,เกิดความสุขสบายใจ,การพัฒนาเป็นไปได้ช้าหรือเกิดการยั้งมือไม่รีบร้อน,มีอารมณ์ที่เยือกเย็นมากขึ้น,ได้รับการช่วยเหลือให้งานเสร็จลุล่วงอย่างดี,งานต้องชะลอตัวเพราะเสียเวลาคอยฉุดดึงผู้อื่นให้ก้าวเดินตาม ฯลฯ

                                               
ความหมายที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นนั้น หากจะนำมาใช้จริงยังจะต้องนำดาวที่เบียนเข้าไปผสมกับดาวที่ถูกเบียน และผสมความหมายเจ้าเรือนของดาวที่เบียนรวมถึงเรือนที่ดาวเบียนสถิตอีกด้วยจึงจะเกิดความหมายที่สมบูรณ์ เช่น ลัคนาราศีตุลย์มีศุกร์สถิตราศีมังกรแล้วมีดาวพุธเจ้าเรือนศุภะสถิตราศีธนู ซึ่งดาวพุธจะเบียนดาวศุกร์ด้วยการส่งธาตุไฟจากราศีธนูเข้าไป และส่งความหมายของดาวพุธรวมถึงความเป็นเจ้าเรือนศุภะด้วย ดาวพุธเบียนจากเรือนสหัชชะก็ต้องนำความหมายของสหัชชะเข้าไปผสมอีกเช่นกัน ดาวพุธเบียนดาวศุกร์นี้จะทำให้ดาวศุกร์ที่ปกติชอบอยู่นิ่งๆ จะลุกขึ้นมาสนใจเรียน(ผลจากราศีธนู) ด้วยการกระตุ้นและการสอนสั่งตักเตือนแบบจ้ำจี้จ้ำไชจากบิดา(ดาวพุธเจ้าเรือนศุภะ) และสภาวะสังคมรอบตัวหรือการมีเพื่อฝูงที่สนใจฝักใฝ่ในการศึกษา(ดาวที่สถิตในเรือนสหัชชะราศีธนู)ก็มีส่วนกระตุ้นหรือกดดันเจ้าชะตาทำให้มีความกระตือรือร้นในการตั้งใจเรียนด้วยเช่นกัน
(ถ้าดาวพุธไม่ได้เบียนแต่มากุมที่ดาวศุกร์ในราศีมังกร ดาวศุกร์จะยิ่งนิ่งสงบแถมชอบฝันเฟื่องเลื่อนลอย และบิดาก็จะใจดีคอยเอาอกเอาใจให้ได้รับความสุขสบายแถมไม่จ้ำจี้จ้ำไชในเรื่องการศึกษาอีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะดาวศุกร์จะได้รับธาตุน้ำและได้รับความหมายจากดาวพุธทำให้เกิดผลดังกล่าว)

ดูแล้วการอ่านมุมเบียนจะเป็นการอ่านที่ค่อนข้างวุ่นวายซับซ้อน แต่เชื่อผมเถอะว่าบางดวงชะตานั้นสามารถชี้ขาดถึงผลดีผลร้ายจากมุมเบียนได้อย่างชัดเจน เพราะว่าบางดวงไม่น่าจะเกิดผลสำเร็จขึ้นได้แต่ก็ทำได้ด้วยมุมเบียน หรือบางดวงไม่น่าจะเกิดความวุ่นวายในชีวิตก็ยังจะมีขึ้นก็เพราะมุมเบียนนี้อีกเช่นกัน ดังนั้นอย่าละทิ้งการสังเกตุมุมเบียนในดวงชะตาเป็นอันขาดนะครับ  





ดาวได้นิจ ประ พิจารณาอย่างไร

           ดาวที่ได้ตำแหน่งด้อยค่าหรือดาวที่เรามีในดวงชะตาแล้วเกิดความรู้สึกว่าไม่น่าจะมีกับเราเลยนั้น อย่างเช่นดาวประและดาวนิจ บางทีก็มีดีกว่าที่คิดอย่างมากมายเลย จะยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆในบางดาวเช่น

ดาวพฤหัสที่เป็นประในราศีมิถุน จะทำให้ดาวพฤหัสเปิดกว้างในการรับความรู้ ไม่ยึดติดในสิ่งที่ตนเองศึกษามาอย่างงมงาย และทำให้นำความรู้ที่มีถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี หรือดาวอังคารที่เป็นประในราศีพฤษภก็จะคิดทำการงานที่สะดวกสบาย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยให้มากมายนัก หรือรู้จักที่จะพักผ่อนหาความสุขเมื่อถึงวันหยุด และการพักผ่อนของดาวอังคารในราศีนี้จะเป็นการพักผ่อนเงียบๆในมุมสงบของตนเอง ไม่ใช่การพักผ่อนแบบเดินทางท่องเที่ยวหาความสำราญไปเรือยเปื่อยเหมือนดาวอังคารประในราศีตุลย์
ทีนี้มาดูที่ดาวนิจกันบ้าง 


ดาวพุธที่เป็นนิจในราศีมีนก็จะไม่ได้ต่ำต้อยด้อยค่าแต่อย่างใด แต่จะเป็นดาวพุธที่นอบน้อมผู้ใหญ่ยอมที่จะรับฟังการสั่งสอนอบรมจากผู้มีวัยวุฒิ,คุณวุฒิอย่างเต็มใจ มักโอนอ่อนผ่อนตามผู้ใหญ่หรือผู้ที่ตนเคารพ และที่สำคัญคือเป็นผู้ตามที่ดีไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด ดาวพุธนี้ยังเป็นการซึมซับความคิด,ความรู้ที่ได้จากการสั่งสอนอบรม เพื่อนำมาใช้ในวิถีชีวิตของตนเองได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียที่ชัดเจนและควรปรับปรุงสำหรับผู้ที่มีดาวพุธเป็นนิจก็คือ การที่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจและมักเชื่อผู้อื่นที่มากเกินไป รวมถึงการคอยแต่จะพึ่งพาผู้อื่นจนทำให้การพัฒนาตนเองเกิดความล่าช้ามากเกินไป
การอ่านดาวในทุกๆตำแหน่งต้องแยกออกจากกันด้วยราศี อย่าเอาตำแหน่งดาวมาเหมารวมความหมายทั้งหมด เช่่นดาวอังคารที่เป็นประก็ต้องแยกว่าเป็นประในราศีอะไร เพราะทั้งสองราศีคือพฤษภและตุลย์จะให้ความหมายด้านพฤติกรรมแก่ดาวอังคารที่ไม่เหมือนกัน หรือดาวศุกร์ที่เป็นประในราศีเมษและพิจิกก็มีพฤติกรรมที่แตกต่างเช่นกัน ดังนั้นการอ่านตำราแล้วมีสอนเรื่องตำแหน่งดาวที่ไม่ได้แยกแยะราศีก็สันนิษฐานในขั้นแรกได้เลยว่ายังเป็นตำราที่ไม่ถูกต้องสมบูรณ์นัก

ราศียังมีประโยชน์มากกว่าการที่จะเอาไว้แค่ระบุตำแหน่งว่าเป็นเรือนนั้นเรือนนี้ หากผู้อ่านทำความเข้าใจในความหมายของแต่ละราศี ก็จะทำให้การทำนายดวงชะตาเกิดประโชน์มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะครับ  

จรราศี สถิรราศี อุภัยราศี ใช้อย่างไร

            ความแตกต่างระหว่างการพิจารณาแต่ละราศีด้วยระบบธาตุ และพิจารณาตามกำลังราศีทั้ง 3 ลักษณะ จะสามารถแยกแยะทั้งสองระบบให้เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนดังนี้

ธาตุทั้ง 4 ในแต่ละราศีจะส่งผลด้านพฤติกรรมได้ดังนี้ (ควรดูภาพประกอบให้รู้ว่าราศีใดเป็นธาตุใด)
- ราศีธาตุไฟ มีคุณสมบัติในลักษณะอาการร้อนรน กระตือรือล้น ทะเยอทะยาน ดิ้นรน กระฉับกระเฉง
- ราศีธาตุน้ำ มีคุณสมบัติในลักษณะอาการนุ่มนวลเยือกเย็น เฉื่อยแฉะ
- ราศีธาตุลม มีคุณสมบัติในลักษณะความหุนหันพลันแล่น ความรววดเร็ว วู่วาม
- ราศีธาตุดิน มีคุณสมบัติในลักษณะความมั่นคงหนักแน่น ความสงบถาวร เป็นหลักเป็นฐาน

การแบ่งราศีตามกำลังของราศีได้ 3 กลุ่ม คือ (ดูจากภาพได้เช่นกัน)
1. จรราศี ได้แก่ ราศีแม่ธาตุ หรือ ราศีต้นธาตุ ทั้งสี่ คือราศีเมษ ราศีกรกฎ ราศีตุลย์ และราศีมังกร ราศีเหล่านี้เป็นราศีที่ไม่หยุดนิ่ง เป็นราศีแห่งการเคลื่อนไหว รวดเร็ว และ รุนแรง เป็นราศีแห่งการต่อสู้ดิ้นรน
2. สถิรราศี ได้แก่ ราศีกลางธาตุ คือราศีพฤษภ ราศีสิงห์และราศีกุมภ์ ราศีเหล่านี้เป็นราศีแห่งความมั่นคง อยู่กับที่ หนักแน่น
3. อุภัยราศี ได้แก่ ราศีปลายธาตุ ได้แก่ราศีมิถุน ราศีกันย์และราศีมีน ราศีเหล่านี้เป็นราศีที่มีความไม่แน่นอนไม่มั่นคงในบางครั้งเราเรียกว่าทวิ ภาวะราศี ซึ่งแปลว่าราศีสองสภาวะ
ถ้าพิจารณาตามระบบธาตุแล้ว การแบ่งราศี 3 ลักษณะนี้จะไม่ถูกต้องนัก เพราะธาตุของแต่ราศีจะส่งผลด้านพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป โดยผมจะเปรียบเทียบการพิจารณาด้วยระบบธาตุแต่ละราศีควบคู่กับการพิจารณาการแบ่งราศีตามกำลังทั้ง 3 ลักษณะ(ตามที่กล่าวข้างต้น) เพื่อให้ผู้อ่านลองไตร่ตรองดูว่าการแบ่งราศีโดยแยกเป็น 3 ลักณะนี้ถูกต้องแค่ไหน
- ราศีเมษ เรือนธาตุไฟ (จรราศี) ในส่วนนี้จะใกล้เคียงกันเพราะมีความเคลื่อนไหว,รวดเร็ว,รุนแรง แต่ระบบธาตุจะเป็นเพิ่มเติมความหมายของดาวอังคารที่เปนดาวเจ้าเรือนเข้าไปด้วย ทำให้เกิดความหมายด้านการแข่งขัน-ต่อสู้,การใช้อารมณ์โทสะ ฯลฯ
- ราศีพฤษภ เรือนธาตุดิน (สถิรราศี) ในส่วนนี้จะใกล้เคียงกันเพราะหมายถึงความมั่นคง,อยู่กับที่,หนักแน่น แต่ทางระบบธาตุจะขยายความหมายด้วยดาวเจ้าเรือนคือดาวศุกร์เข้าไปด้วย ทำให้เกิดความหมายของความสุข,ความสบาย,ความรักที่สะสมหรือใช้ระยะเวลา ฯลฯ
- ราศีมิถุน เรือนธาตุลม (อุภัยราศี) ในส่วนนี้จะใกล้เคียงกันเพราะเป็นความไม่แน่นอน แต่ระบบธาตุจะเพิ่มเติมความหมายของดาวพุธที่เป็นดาวเจ้าเรือนเข้าไปด้วย ทำให้เกิดความหมายด้านความคิดที่ฟุ้งซ่าน,การพูดจาที่เลื่อนลอย,การเจรจาที่เชื่อถือไม่ค่อยได้,การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า,ไหวพริบ ฯลฯ
-ราศีกรกฎ เรือนธาตุน้ำ (จรราศี) ในส่วนนี้ความใกล้เคียงกันในความหมายด้านการเคลื่อนไหวยังต้องมีข้อแม้สักหน่อย เพราะหากจะพิจารณาด้วยระบบธาตุจะเห็นว่าการเคลื่อนไหวจากราศีนี้ต้องเป็นการถูกชักจูง,ถูกโน้มน้าว,คล้อยตาม ฯลฯ เพราะราศีธาตุน้ำไม่ได้ทำให้ดาวที่เข้ามาสถิตเกิดสภาวะของการตัดสินใจที่ไม่ดีนัก,ไม่ค่อยมีความเป็นตัวของตัวเอง เพราะเกิดความอ่อนโยนคล้อยตามผู้อื่นได้ง่าย และยังทำให้ดาวมีพฤติกรรมของผู้ตามมากกว่าผู้นำ ส่วนในด้านความรุนแรงนั้นจะไม่มีเกิดขึ้นในราศีกรกฎอย่างแน่นอน
วันนี้อธิบายคร่าวๆแค่ 4 ราศีก่อน เดี๋ยวค่อยๆเข้ามาเพิ่มเติมในคราวหน้าให้ครบทั้ง 12 ราศี รับรองว่าจะเห็นความแตกต่างและความขัดแย้งอย่างชัดเจนในอีกหลายราศีครับ

อ.ทนัญ โหราศาสตร์ไทย ระบบธาตุ