บทนำ

บทนำ

โหราศาสตร์ไทยมีอยู่คู่เมืองไทยมาเป็นเวลานาน   และก็มีการสอนอยู่ด้วยกันหลากหลายสำนักโดยมีครูอาจารย์ผู้ทรงความรู้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ให้กับคน...

11 ตุลาคม 2563

ดาวเสาร์ก็มีสิ่งที่ดีเหมือนกัน

 ดาวเสาร์ก็มีสิ่งที่ดีเหมือนกัน


ดาวเสาร์ส่วนมากแล้วจะเห็นว่ามีแต่ความร้ายกาจ แต่บางทีถ้าเข้าร่วมกุมกับดาวบางดวงหรือด้วยเหตุผลในบางกรณีก็ทำให้เกิดผลดีขึ้นกับดวงชะตาได้เช่นกัน

                   จากดวงตัวอย่าง ลัคนาราศีธนูดาวพฤหัสตนุลัคน์สถิตราศีมีนกุมดาวเสาร์ โดยปกติแล้วดาวพฤหัสในราศีมีนจะเป็นดาวที่มีน้ำใจ,มีความโอบอ้อมอารี และศีธาตุน้ำก็จะทำให้รู้สึกสุขสบาย,เรื่อยเฉื่อยจึงไม่ต้องรีบเร่ง,ไม่ต้องกระฉับกระเฉงแต่อย่างใด แต่พอดาวพฤหัสได้รับผลกระทบจากดาวเสาร์ที่ร่วมกุม ก็จะได้รับธาตุไฟและได้รับความหมายของดาวเสาร์เข้าไปผสม จึงเปลี่ยนความหมายและเปลี่ยนพฤติกรรมจากดาวพฤหัสไปจากเดิม แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะมีเหตุผลจากความหมายเจ้าเรือนของดาวเสาร์(กดุมภะ) นั่นคือดาวพฤหัสจะมีความกระตือรือร้นถ้าเป็นในเรื่องของการหาเงิน และจะมีการจัดระเบียบด้านการเงินอย่างเข้มงวดเพื่อจุดประสงค์ในการสร้างฐานะครอบครัว(กุมดาวเสาร์ในเรือนพันธุ) และดาวพฤหัสนี้จะมีความโอบอ้อมอารีต่อคนในครอบครัวเท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวจะไม่มีน้ำใจให้มากนัก เนื่องจากดาวพฤหัสได้ถูกผูกเรื่องราวเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ได้สถิตเรือนพันธุ และถ้าสมมติให้ราศีมีนเป็นเรือนสหัชชะ ก็จะทำให้มีน้ำใจกับผู้อื่นแต่กับครอบครัวจะได้รับน้อยลง (ข้อเสียจากมุมนี้คือ จู้จี้เจ้าระเบียบมากเกินควร ควบคุมและเคารพกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด    และมองในมุมกลับกันที่ดาวเสาร์เจ้าเรือนกดุมภะสถิตราศีมีน แต่เดิมถ้าเป็นดาวเสาร์สถิตเพียงดวงเดียวก็จะขาดพลังในการเก็บออม รวมถึงธาตุน้ำทำให้ดาวเสาร์เกิดความเรื่อยเฉื่อยไม่กระตือรือร้นมากนัก แต่เมื่อมีดาวพฤหัสร่วมกุมทำให้ดาวเสาร์ได้รับธาตุดินและมีความหมายของดาวพฤหัสเข้าไปผสม ธาตุดินทำให้ไฟของดาวเสาร์เกิดการลุกโชนได้ดีขึ้นจึงมีความกระตือรือร้นกระฉับกระเฉง รวมถึงมีการเก็บออมการเงินเพื่อให้เกิดความมั่นคงอีกด้วย และดาวพฤหัสก็ส่งความหมายเข้าไปทำให้ดาวเสาร์มีการจัดระเบียบหรือการวางแผนการเงิน และก็เช่นกันคือเหตุผลในการกระทำของดาวเสาร์เกิดจากความหมายเจ้าเรือนของดาวพฤหัส(ตนุ-พันธุ) ดังนั้นจึงสรุปผลจากดาวพฤหัสที่กุมดาวเสาร์ก็ทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการหาเงินโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านฐานะของครอบครัว และมีการจัดระเบียบการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีมีความมัธยัสถ์รู้จักเก็บออม (ข้อเสียจากมุมนี้คือ ตระหนี่ ขาดน้ำใจ ขี้กังวล ย้ำคิดย้ำทำ)
การพิจารณาดาวทุกดวงควรนึกถึงทั้งส่วนดีและส่วนร้าย อย่าไปยึดติดกับด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไปนะครับ

การพิจารณาดาวเจ้าเรือนปุตตะ

 ดาวเจ้าเรือนปุตตะ


             ดาวปุตตะเราเอาไว้ใช้ดูช่วงชีวิตในวัยเด็กและวัยเรียน มีความสำคัญเมื่อเราจะดูช่วงชีวิตวัยเด็กหรือวัยเรียนว่าเจ้าชะตามีต้นทุนของชีวิตเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือเป็นดาวหนึ่งที่เอาไว้สอบทานลัคนาได้เป็นอย่างดี
ถ้าดาวปุตตะอยู่ในราศีธาตุลมก็จะทำให้เป็นเด็กคล่องแคล่วหรือชอบเที่ยวเล่นหรือหัวไว หรือเป็นเด็กนิ่งๆ,ดำเนินชีวิตไปตามครรลองปกติหรือดื้อเงียบ,ขี้เหงา,ว้าเหว่,เก็บตัว(ธาตุดิน) หรือเป็นเด็กที่ซ่า,ซน,กระฉับกระเฉง,ฉลาด(ธาตุไฟ) หรือเป็นเรียบร้อย,เชื่อฟังผู้ใหญ่,งี้แย,ขี้น้อยใน(ธาตุน้ำ) แต่ถ้าดาวปุตตะมีดาวร่วมกุมก็จะมีอิทธิพลแฝงจากดาวนั้นไปด้วย
                                  
               ดวงตัวอย่าง ดาวพฤหัสเจ้าเรือนปุตตะที่ไปสถิตราศีธาตุลมกุมดาวราหู ถ้าอ่านในความหมายทั้งหมดตามที่ควรจะเป็นก็จะต้องอ่านว่าเป็นเด็กคล่องแคล่วมีจินตนาการซึ่งอาจทำให้ผู้ใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจ หรือเป็นเด็กที่มีความคิดอ่านอิสระไม่ยึดติดกรอบ,กฎ,ระบบระเบียบ หรือเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเชื่อฟังผู้ใหญ่และต่อต้าน หรือเป็นเด็กที่ทำอะไรรวดเร็วแต่ไม่ค่อยเรียบร้อยแต่ถ้าได้รับการเข้มงวดก็จะทำได้ดีขึ้น หรือได้รับการศึกษายังต่างถิ่นต่างแดนหรือต่างประเทศและยังทำให้ได้ร่วมงานกับชาวต่างชาติ หรือเป็นเด็กที่คล่องแคล่วมีไหวพริบสูงเรียนรู้ได้รวดเร็วมีความสำเร็จสูง ฯลฯ ความหมายทั้งหมดที่กล่าวไว้นี้จะทำให้มือใหม่เกิดความสับสนว่าแล้วในความเป็นจริงควรจะอ่านในลักษณะใดจึงจะถูกต้องที่สุด เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ความหมายทั้งหมดตามที่กล่าวมา

              วิธีพิจารณาในขั้นแรกที่เราจะหาความเป็นจริงของดาวปุตตะนี้ ก็ต้องดูที่ดาวตนุลัคน์และดาวเจ้าเรือนพันธุ เนื่องจากตนุลัคน์คือพฤติกรรมของเจ้าชะตาและดาวเจ้าเรือนพันธุคือมารดาหรือสภาวะของครอบครัว จากดวงตัวอย่างจะเห็นว่าตนุลัคน์คือดาวอาทิตย์สถิตราศีธนู ทำให้ฐานนิสัยของเจ้าชะตาเป็นคนที่มีความจริงจังใฝ่รู้ในการศึกษา มุ่งเน้นความสำเร็จและเป็นคนที่มีระเบียบวินัยสูง ดาวอังคารเจ้าเรือนพันธุสถิตราศีพิจิกเรือนธาตุน้ำทำให้เห็นภาพของมารดาว่าเป็นคนใจดีให้การดูแลบุตรบริวารด้วยความเมตตา(บางคนจะเข้าใจว่าเพราะอังคารเป็นเกษตรจึงทำให้มีมารดาที่ดีซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะถ้าดาวอังคารไปสถิตราศีเมษก็เป็นเกษตรเหมือนกันแต่จะทำให้มารดามีอารมณ์ที่ดุและโทสะแรง เนื่องจากมีความแตกต่างกันด้วยธาตุของราศี) รวมถึงสภาวะครอบครัวก็อบอุ่นรักใคร่สนิทสนมกันเป็นอย่างดีเพราะดาวพันธุอยู่ในราศีธาตุน้ำ(ซึ่งก็เช่นกันถ้าดาวอังคารไปสถิตราศีเมษก็แสดงถึงครอบครัวมีความวุ่นวายรุ่มร้อนมีปัญหากันได้ตลอดเวลา) เมื่อเห็นอุปนิสัยของเจ้าชะตารวมถึงสภาวะครอบครัวและรู้นิสัยของมารดาก็จะทำให้ต้องอ่านดาวปุตตะไปในแนวทางที่ดีมากกว่าทางร้าย


              แต่เมื่อเจ้าชะตามีครอบครัวของตนเองแล้วก็มีบุตร ดาวปุตตะก็จะเกิดความหมายที่แตกต่างกันไปจากผลกระทบที่มาจากดาวอาทิตย์ เพราะตอนนี้เราดูปุตตะที่ไม่มีฐานของความเป็นดาวอาทิตย์เหมือนเดิม เพราะไม่ได้อ่านพฤติกรรมของเจ้าชะตา เรากำลังอ่านปุตตะที่หมายถึงบุตรบริวาร จึงต้องดูที่ดาวพฤหัสเป็นประธาน ดังนั้นปุตตะในความหมายบุตรบริวารของเจ้าชะตา ก็จะต้องมีบิดาหรือมารดาที่เป็นดาวอาทิตย์ในราศีธาตุไฟในทันที ซึ่งโดยฐานเดิมของเจ้าชะตา(ดาวอาทิตย์ในราศีธนู)คือคนเจ้าระเบียบ,คาดหวังความสำเร็จสูง,เข้มงวดในกฎระเบียบ,มุ่งหวังให้บุตรบริวารมีการศึกษาตามที่ตนเองวางเป้าหมายเอาไว้ จึงไปสร้างความกดดันให้แก่บุตรบริวารตลอดเวลา(ดาวอาทิตย์ในราศีธาตุไฟเล็งดาวปุตตะ) ผลที่เกิดขึ้นจึงอาจส่งผลไปในทางด้านลบมากกว่าที่จะเป็นด้านบวก ไม่เหมือนตอนที่เจ้าชะตาเป็นปุตตะนั้นจะได้รับผลด้านบวกมากกว่า เพราะมีมารดา(ดาวอังคารในราศีธาตุน้ำ)ที่ใจเย็นให้การดูแลอบรมสอนสั่งอย่างสบายๆไม่เข้มงวด และเจ้าชะตาก็เป็นคนที่มุ่งมั่นใฝ่รู้ด้วยตัวเอง(ดาวอาทิตย์ในราศีธนู) ในวัยเด็กของเจ้าชะตาจึงไม่มีความกดดันแต่อย่างใด ส่งผลให้เป็นเด็กที่ฉลาดมีความคล่องแคล่ว,มีจินตนาการสูง และมีโอกาสที่จะได้รับการศึกษายังต่างประเทศนั่นเอง

ดาวเล็งกัน.. ดี-ร้าย อย่างไร

 ดาวเล็งกัน.. ดี-ร้าย อย่างไร


โดยหลักในทางระบบธาตุนั้นมีการสอนเอาไว้อยู่แล้วว่าไม่มีดาวคู่ใดที่ส่งผลดีหรือส่งผลเสียที่เป็นกฎตายตัว เพราะว่าแต่ละราศีจะทำให้ดาวมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะดาวที่เล็งกันนั้นบางทีเป็นดาวที่มีธาตุของตนเองที่ไม่ได้ขัดแย้งกันแต่อย่างใด แต่ด้วยผลของธาตุราศีจึงทำให้ดาวสองดวงที่เห็นว่าไม่ขัดแย้งหรือมักส่งเสริมซึ่งกันและกัน กลับเกิดเป็นผลร้ายขึ้นมาก็ได้ หรือดาวที่เคยขัดแย้งกัน-ไม่เอื้อเฟื้อต่อกันก็กลับมาเป็นการส่งผลในทางดีต่อกันได้อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นดาวคู่มิตร-ดาวคู่ศัตรู-ดาวคู่ธาตุ-ดาวคู่สมพล ก็อยู่ในหลักการพิจารณาเดียวกันนี้ทั้งสิ้น อย่าให้ความหมายของกฎเกณฑ์นั้นมาปิดกั้นความเป็นจริงของดาวและธาตุ 
                                 
จะขอยกตัวอย่างสักกรณีมาให้พิจารณาในด้านมุมร้ายและมุมดีระหว่างดาวเล็งกันดังนี้
ดาวในราศีธาตุลม และ ดาวในราศีธาตุไฟ ที่ต่างก็เล็งไปสู่กันและกัน :
- มุมร้ายจากดาวในราศีธาตุลมก็ทำให้ดาวในราศีธาตุไฟเกิดการรวนเร,ไม่จริงจัง,เปลี่ยนแปลงเร็ว,เลื่อนลอย และมุมร้ายจากดาวในราศีธาตุไฟจะทำให้ดาวในราศีธาตุลมเกิดความกดดัน,ถูกเร่งเร้า,ได้รับการบังคับ,เกิดความก้าวร้าวเป็นผลแห่งความขัดแย้ง
- มุมดีจากดาวในราศีธาตุลมทำให้ดาวในราศีธาตุไฟมีมุมมองที่กว้างมากขึ้นไม่ยึดติดกับเป้าหมายเพียงสิ่งเดียว,มีการผ่อนหนักผ่อนเบาไม่หักโหมจนเสียสุขภาพ,กระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน,มีการผ่อนคลายความเคร่งเครียดและความเร่าร้อนให้น้อยลงไป และมุมดีจากดาวในราศีธาตุไฟทำให้ดาวในราศีธาตุลมมีการตั้งใจ-จดจ่อ-จริงจังอยู่กับการงานของตน,มีความรับผิดชอบมากขึ้น,มีแรงกระตุ้นเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จ,มีการตัดสินใจที่รวดเร็วเด็ดขาด

ในรูปดวงตัวอย่าง มีดาวอาทิตย์ในราศีสิงห์ ดาวอังคารในราศีกุมภ์ : ดาวอาทิตย์จะทำให้ดาวอังคารเกิดผลในมุมร้ายก็ทำให้ยึดติดชื่อเสียงหน้าตาและมีความก้าวร้าว ไม่มีการประนีประนอมใดๆ ในมุมด้านดีก็ทำให้มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ มีเป้าหมายที่ชัดเจนจริงจัง มีความรักศักดิ์ศรีและต้องการเป็นผู้นำ
ส่วนดาวอังคารจะทำให้ดาวอาทิตย์เกิดผลทางมุมร้ายคือ ทำให้โลเลขาดความมั่นใจ เป้าหมายไม่ชัดเจนทำให้การงานเกิดความสับสน ไม่จริงจังไม่มุ่งมั่นในการไปสู่ความสำเร็จ ในส่วนมุมด้านดีก็ทำให้การกระทำเพื่อไปสู่เป้าหมายสามารถได้หลากหลายวิธีการ รู้จักกระจายความเสี่ยงและไม่ยึดติดกับชื่อเสียงหน้าตาจนมากเกินไป (ในส่วนความหมายเรือนก็นำมาเติมเป็นส่วนขยายเรื่องราวให้สมบูรณ์) และการจะเลือกว่าควรนำความหมายใดมาใช้ก็ต้องขึ้นกับตนุลัคน์ หรือเป็นไปตามสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละบุคคล

ในมุมของราศีอื่นก็ให้พิจารณาไปตามความหมายของธาตุเช่นธาตุน้ำเป็นผลแห่งความโลเล,เลื่อนลอย,ชุ่มชื่น,เยือกเย็น ธาตุดินเป็นผลแห่งความเชื่องช้า,คิดนาน,ตัดสินใจช้า,มั่นคง,หนักแน่น,สม่ำเสมอ ขอให้ไปแยกแยะผลดีและผลเสียด้วยความหมายดาวและเรือนไปตามสถานการณ์ที่ถูกต้องนะครับ

ดาวกัมมะเป็นนิจ.

 ดาวกัมมะเป็นนิจ..

                              

                   ลัคนาราศีกรกฎดาวจันทร์สถิตราศีสิงห์ ดาวอังคารเจ้าเรือนกัมมะสถิตราศีกรกฎ(เป็นนิจ) มักเห็นคำทำนายว่าดาวอังคารได้ตำแหน่งนิจจะให้ผลแห่งความต่ำต้อยหรือเป็นคนที่ขี้เกียจไม่สู้การงาน คำทำนายแบบสำเร็จรูปนั้นจะใช้ไม่ได้กับดวงชะตานี้ เพราะดาวจันทร์ตนุลัคน์สถิตราศีสิงห์เรือนธาตุไฟทำให้เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นทั้งทางด้านการหาเงิน และมีความมุ่งมั่นเพื่อไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ดวงแบบนี้จึงไม่ได้เป็นคนที่ขี้เกียจอย่างแน่นอน ในส่วนของดาวอังคารเจ้าเรือนกัมมะเป็นนิจแบบนี้จะต้องอ่านว่า เจ้าชะตาจะเลือกการทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงกายให้เหน็ดเหนื่อยมากนัก หรือเลือกการงานที่ไม่ต้องไปแข่งขันต่อสู้แย่งชิงให้ลำบากตรากตรำ ดังนั้นดวงแบบนี้เป็นคนที่เก่งมีความสามารถจึงเลือกงานได้ตามที่ตนเองต้องการ

                   และดาวอังคารในราศีกรกฎจะพิจารณาว่าเป็นการทำงานด้านบริการช่วยเหลือแบบมีน้ำใจทำให้ฟรีๆได้หรือไม่ เมื่อดูที่ตนุลัคน์สถิตเรือนกดุมภะราศีสิงห์แบบนี้... หมายถึงทำอะไรก็แล้วแต่จะต้องได้เงิน หรือทำแล้วได้หน้าได้ชื่อเสียงแทนตัวเงินก็ยังพอรับไหว แต่ให้ทำฟรีๆโดยไม่มีสิ่งตอบแทนนั้นคงต้องขอคิดดูก่อน

                   ดาวอังคารที่เบียนจากราศีกรกฎจะส่งธาตุน้ำไปสู่ดาวจันทร์ทำให้คลายความร้อนรุ่มและมีความชุ่มชื่นเย็นสบาย ดังนั้นจะยิ่งเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นว่าการทำงานที่ง่ายๆสบายๆเป็นสิ่งที่เจ้าชะตามีความสุขที่สุด

                  ดังนั้นเมื่อใดที่เห็นดาวได้ตำแหน่งนิจแล้วอย่างเพิ่งรีบตัดสินใจว่าต้องต่ำต้อยด้อยค่าเสมอไป ควรพิจารณาให้รอบด้านและดูว่าตนุลัคน์จะเลือกความหมายของดาวนิจมาใช้อย่างไรให้ถูกต้องตามพฤติกรรมแท้จริง

ตนุลัคน์สถิตเรือนพันธุ

 ตนุลัคน์สถิตเรือนพันธุ


จากรูปดวงที่นำมาเป็นตัวอย่าง ถ้าหากพิจารณาเพียงความหมายเรือน ตนุ+พันธุ+พันธุ ก็จะเข้าใจไปว่าเจ้าชะตาควรจะได้อยู่กับครอบครัวอย่างปกติ และน่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวเป็นอย่างดี                      
                                 
              แต่ในความเป็นจริงในดวงชะตาลักษณะนี้เมื่อพิจารณาด้วยระบบธาตุจะได้ความหมายที่แตกต่างจากที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นอย่างสิ้นเชิง เพราะดาวอังคารตนุลัคน์ที่สถิตเรือนพันธุราศีธาตุลมเช่นนี้จะแสดงว่าเจ้าชะตาไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรือหากจะอยู่ก็ไม่ค่อยจะอยู่ได้นานนัก รวมถึงจะมีการเดินทางบ่อยหรือต้องมีการโยกย้ายบ้านบ่อยๆด้วยก็เป็นได้ และในกรณีที่กุมดาวราหูเจ้าเรือนพันธุนี้ก็ไม่ได้หมายถึงได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากมารดาแต่อย่างใด เพราะดาวราหูเป็นดาวที่มีความหมายด้านอิสรเสรีและไม่มีความหมายในด้านการดูแลเอาใจใส่ผู้ใด เมื่อดาวราหูกุมดาวอังคารที่ต่างก็เป็นดาวธาตุลมด้วยกันจึงเป็นการเพิ่มธาตุให้แก่กันและกัน ดาวราหูที่ได้รับธาตุลมเพิ่มขึ้นจากดาวอังคารก็ทำให้เกิดพฤติกรรมไม่ใส่ใจและมีอิสระมากขึ้น มีความวู่วามชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ดาวอังคารที่ได้รับธาตุลมจากดาวราหูก็ทำให้มีการเดินทางหรือพลัดพรากบ้านได้บ่อยมากขึ้นไปอีก จะมีความหุนหันพลันแล่นกล้าทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นและไม่ค่อยมีมารยาทรวมถึงไม่ค่อยเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่อีกด้วย ดังนั้นดาวทั้งสองนี้จึงไม่ได้ส่งเสริมในเรื่องของการอยู่อาศัยที่เป็นปกติและไม่ได้เป็นเรื่องของการดูแลเอาใจใส่ต่อกันแต่อย่างใด แม้จะได้อยู่ในบ้านเดียวกันพร้อมหน้าพร้อมตาแต่ก็จะไม่มีความผูกพันและไม่มีความเคารพเชื่อฟังต่อกันเท่าไหร่นัก และดาวอังคารในลักษณะนี้จะไม่ค่อยสนใจดูแลบ้านช่องจึงไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วยเช่นกัน

              เมื่อดูที่ดาวพฤหัสเจ้าเรือนปุตตะที่หมายถึงช่วงวัยเด็กหรือวัยเรียน ดาวพฤหัสสถิตราศีมังกรก็หมายถึงในวัยเด็กอาจจะต้องอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างเก็บกดหรือมีเรื่องอึดอัดคับข้องใจ และมีความเป็นไปได้ที่จะต้องถูกส่งไปอยู่ในโรงเรียนประจำ เพราะตนุลัคน์กำหนดภาพโดยรวมเอาไว้แล้วว่าเจ้าชะตาอยู่ไม่ติดบ้านและไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว แต่ดาวพฤหัสในราศีมังกรนี้เราจะไม่อ่านว่าเหงาหรือเป็นเด็กเก็บตัว ก็เพราะว่าดาวอังคารตนุลัคน์ในราศีกุมภ์เรือนธาตุลมนี้เป็นคนที่ค่อนข้างกระฉับกระเฉงขี้เล่น ดังนั้นโดยดาวลักษณะนี้จะสันนิษฐานได้สองประการคือโดนส่งไปโรงเรียนประจำหรือขาดความอบอุ่นจากครอบครัว(อาจจะถึงขั้นพ่อแม่เลิกรากันก็ได้)

              จึงขอฝากการพิจารณาดาวในลักษณะนี้ไว้เพื่อฝึกฝน เพราะบางทีการอ่านด้วยเรือนสู่เรือนจะหลอกให้หลงทาง เมื่อหาทางลงไม่เจอส่วนมากก็จะไปยกเอากฎเกณฑ์อื่นๆมาหาคำตอบซึ่งจะยิ่งทำให้ยิ่งสับสนจนหาทางกลับที่ถูกต้องไม่เจอสักที และในเรื่องดาวคู่ธาตุของดาวทั้งสองก็ไม่ได้ส่งผลให้ดีแต่อย่างใดกลับจะยิ่งส่งผลเสียให้มากขึ้น ดังนั้นแค่เรานำเอาธาตุมาร่วมพิจารณาก็จะเกิดภาพและรายละเอียดที่ถูกต้องชัดเจนมากขึ้น จำไว้ว่าในการเริ่มฝึกฝนนั้นยังไม่ต้องนำกฎเกณฑ์ที่ยากๆมาใช้ให้เสียเวลา ควรหัดทำนายด้วยความเข้าใจและโดยวิธีง่ายที่สุดแล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆนะครับ

อิทธิพลดาวกุมตนุลัคน์

 อิทธิพลดาวกุมตนุลัคน์

พิจารณาจากรูป           


                 ดาวศุกร์ที่สถิตในราศีพิจิกเพียงดาวเดียวจะเป็นพฤติกรรมของเจ้าชะตาที่ค่อนข้างรักสบาย เลือกที่จะทำในสิ่งที่ง่ายไว้ก่อนและหากเจอสิ่งที่ยากๆก็จะทำได้ไม่เต็มที่หรืออาจจะผละหนีก็เป็นได้ มักจะคล้อยตามผู้อื่นหรืออาจจะอ่านว่าไม่มีความคิดเห็นเป็นของตนเองก็ได้ แต่เมื่อดาวศุกร์นี้มีดาวพฤหัสเข้ากุมก็จะทำให้เกิดผลดีเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้มีสติปัญญาเพิ่มพูนสะสมเข้าสู่ตนเอง ธาตุดินของดาวพฤหัสก็จะไปลดทอนความอ่อนไหวของดาวศุกร์จึงมีความเข้มแข็งมั่นคง และทำให้ดาวศุกร์นี้จะดูนิ่งๆและเก็บความรู้สึกได้ดี เป็นคนมีความรู้แต่คนรอบตัวอาจจะดูไม่ออกว่าเขารู้มากแค่ไหน การเก็บอาการไม่ใช่เป็นการอมภูมิแต่เป็นเรื่องของความสุภาพจึงไม่อยากจะแสดงความคิดเห็นในเชิงแทรกแซงหรือขัดแย้งกับผู้อื่น
               ราศีพิจิกเป็นเรือนปัตนิจึงทำให้ดาวศุกร์ที่กุมดาวพฤหัสมีมุมมองในการเลือกคู่ค่อนข้างรอบคอบจึงอาจมีครอบครัวที่ช้าไปสักนิด แม้ดาวพฤหัสจะเป็นเจ้าเรือนลาภะที่มาสถิตเรือนปัตนิก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลของการมีคู่บ่อยหรือไม่ได้ทำให้มีโอกาสในการหาคู่ได้ง่ายแต่อย่างใด เนื่องจากดาวพฤหัสเป็นดาวธาตุดินจึงทำให้เกิดความคิดไตร่ตรองในการเลือกครองคู่ และคนที่มาเป็นคู่ก็ต้องเป็นคนที่มีการศึกษา,มีเหตุ,มีความนอบน้อมอ่อนโยน เมื่อมีคู่ก็จะมั่นคงยืนนานอีกด้วยเช่นกัน ส่วนความหมายเจ้าเรือนมรณะของดาวพฤหัสก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียในด้านการมีคู่ครอง แต่จะทำให้มีความสัมพันธ์ด้านการทำงานร่วมกับชาวต่างชาติหรือเป็นการที่เจ้าชะตาได้รับการศึกษายังต่างประเทศ และดาวพฤหัสนี้จะทำให้เจ้าชะตาเป็นครู-อาจารย์ที่ดีได้ด้วยเช่นกัน
เมื่ออ่านความหมายของดาวศุกร์ในการเป็นเจ้าเรือนอริที่กุมดาวพฤหัสในราศีพิจิกเรือนปัตนิ จะหมายถึงเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็มีความรอบคอบและใช้สติปัญญาค่อยๆแก้ไข และเมื่อแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นไปแล้วเก็บเป็นความรู้ที่เพิ่มพูนให้แก่ตนเองต่อไป ดังนั้นคนลักษณะนี้จะไม่กลัวปัญหาเพราะยิ่งมีปัญหาก็จะยิ่งมีความรู้มากขึ้น แต่ดาวแบบนี้จะกลัวปัญหาที่ต้องใช้แรงกายเข้าแก้ไขเพราะตนเองจะถนัดแต่การใช้สติปัญญามากกว่า ดวงแบบนี้จึงถูกกำหนดให้เป็นคนที่มีความรู้มีการความสามารถด้านวิชาการหรือด้านการศึกษามากกว่าที่จะไปในด้านการช่าง
พิจารณาจากรูปที่สอง...
              ดาวพฤหัสตนุลัคน์สถิตราศีพิจิกกุมดาวศุกร์จะทำให้มีความอ่อนโยนและนอบน้อมต่อผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก ดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนมรณะจึงทำให้ดาวพฤหัสนี้จึงมีความสุขมีความราบรื่นในการที่จะไปศึกษาต่างประเทศหรือหากร่วมงานกับชาวต่างชาติ ดาวในลักษณะนี้จะส่งผลด้านความราบรื่นเพราะการที่ตนุลัคน์ไปสถิตเรือนศุภะราศีธาตุน้ำทำให้มีความสุขสบายในการเข้าใกล้ผู้ใหญ่ มีความราบรื่นในด้านการศึกษา และที่สำคัญคือดาวพฤหัสนี้จะรู้จักเข้าหาผู้ใหญ่โดยเอาความนอบน้อมนำหน้า แม้ดาวอังคารเจ้าเรือนราศีพิจิกจะไปสถิตราศีอะไรก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เมื่อดาวพฤหัสนี้กุมดาวศุกร์กุมก็เพิ่มความสะดวกสบายใจและความนอบน้อมให้มากยิ่งขึ้นไปอีก หากจะอ่านดาวศุกร์ในการเป็นเจ้าเรือนสหัชชะก็จะเป็นการได้รับความร่วมมือหรือได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากคนใกล้ตัว คนที่มีดาวในลักษณะนี้จะทำอะไรก็สบายเพราะเป็นคนอัธยาศัยไมตรีดีมีความนอบน้อมเป็นอาวุธ จึงเป็นดวงที่มีเมตตามหาเสน่ห์ในอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
               หากจะพิจารณาในเหตุผลที่ว่าดาวพฤหัสได้ตำแหน่งมหาจักรจึงทำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่ดีก็อาจจะอนุโลมได้ แต่ก็เป็นบางกรณีเท่านั้นเช่นดวงตัวอย่างที่ยกมา เพราะหากลัคนาราศีมีนแล้วดาวพฤหัสนี้กุมดาวราหูก็คงจะมีพฤติกรรมไปอีกแบบซึ่งคงจะไม่เกิดผลดีก็ได้ครับ 

ดาวเสาร์ในราศีธนู(เรือนธาตุไฟ)

 ดาวเสาร์ในราศีธนู(เรือนธาตุไฟ)

                 ดาวเสาร์เป็นดาวที่มีความหมายด้านความอดทนอดกลั้นและใช้แสดงถึงปัญหาหรือความเคร่งเครียด,วิตกกังวล ฯลฯ หากดาวเสาร์มาสถิตอยู่ในราศีธาตุไฟจะส่งผลให้ดาวเสาร์เกิดความรุ่มร้อนเพิ่มขึ้นและรู้สึกถูกกดดันอยู่ตลอดเวลา เมื่อเกิดปัญหาก็ไม่มีการอดกลั้นจะมีการตอบโต้หรือต่อต้านในแบบทันทีทันควัน ถ้าอ่านความหมายดาวเสาร์ในเรื่องของความทุกข์ความเครียดก็จะเป็นความทุกข์ความเครียดที่มีปริมาณสูงพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ในทุกเวลา แต่ดาวเสาร์ในราศีธาตุไฟก็ยังมีด้านดีก็คือมีความมุมานะพยายามอย่างจริงจัง(ซึ่งบางทีก็อาจจะมากเกินไปจนกลายเป็นความเคร่งเครียดได้ด้วยเช่นกัน)
               ในบทความนี้จะอธิบายดาวเสาร์ที่สถิตในราศีธนูเรือนธาตุไฟ ซึ่งเราก็ต้องเพิ่มความหมายของดาวพฤหัสเข้าไปผสมกับดาวเสาร์ด้วย ถ้าอ่านดาวเสาร์ในราศีธนูเป็นความเคร่งเครียดหรือได้รับแรงกดดันก็จะต้องเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่หรือระบบ-ระเบียบ,ศาสนา,ประเพณี ฯลฯ ถ้าอ่านดาวเสาร์ในด้านการมุมานะพยายามอย่างจริงจัง(ซึ่งอาจจริงจังจนเคร่งเครียดก็เป็นได้เช่นกัน) ก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการศึกษา,การปฎิบัติตนอย่างจริงจังในด้านศาสนาหรือความยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในลัทธิใดก็ได้
               ถ้าหากดาวเสาร์นี้ไม่ได้เป็นดาวตนุลัคน์ก็จะส่งผลให้เกิดความหมายไปตามความหมายเรือน ถ้าดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนที่มีความหมายถึงบุคคลเช่นสหัชชะ,พันธุ,ปุตตะ,ศุภะ บุคคลนั้นๆก็จะมีนิสัยและพฤติกรรมตามที่กล่าวข้างต้น และจะขอยกตัวอย่างมาอธิบายเพียงความเป็นเจ้าเรือนปุตตะ
เรือนปุตตะนี้จะหมายถึงวิถีชีวิตในวัยเด็กหรือวัยเรียนของเจ้าชะตาหรือการเริ่มต้นใหม่ๆ ซึ่งอิทธิพลของตนุลัคน์จะเป็นตัวเลือกความหมายของดาวเสาร์นี้มาใช้ให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด ไม่ใช่ว่าเห็นดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนปุตตะสถิตในราศีธาตุไฟก็จะต้องเกิดปัญหาหรือมีความกดดันในวัยเด็กหรือในวัยเรียนเสมอไป

   จากรูปตัวอย่าง     
           ลัคนาราศีกันย์ มีดาวพุธสถิตราศีพิจิกกุมดาวพฤหัสและดาวจันทร์ โดยปกติถ้าหากดาวพุธตนุลัคน์สถิตเพียงดาวเดียวโดดๆในราศีพิจิกก็จะมีพฤติกรรมที่อ่อนน้อม,คล้อยตามและไม่ต่อต้านผู้ใด แต่เมื่อดาวพุธกุมกับดาวพฤหัสและดาวจันทร์ก็ยังมีความนอบน้อมเช่นเดิม แต่การคล้อยตามจะลดน้อยลงไปและมีความพินิจพิจารณาไตร่ตรองมากขึ้น ซึ่งรายละเอียดของผลกระทบที่ดาวพุธจะได้รับจากดาวทั้งสองมีดังนี้คือ
             ผลดีประการแรกมาจากธาตุ ทั้งดาวพฤหัสและดาวจันทร์ล้วนเป็นดาวธาตุดินด้วยกันทั้งคู่ เมื่อดาวพุธได้รับธาตุดินจึงทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคงมากขึ้น มีการสะสมความคิดและไตร่ตรองทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาทั้งจากการรับฟังและการสื่อสารออกไปก็จะมีการเรียบเรียงให้เกิดผลดีกว่าเดิม
ผลดีประการที่สองมาจากความหมายดาว ดาวพฤหัสจะทำให้ดาวพุธมีระบบระเบียบและมีความคิดเห็น,มีมุมมองเป็นของตนเอง,มีความเชื่อมั่นใจตนเอง ส่วนดาวจันทร์ก็เพิ่มในเรื่องการได้รับการดูแลเอาใจใส่ รวมถึงการมีจิตใจที่หนักแน่นมั่นคงไม่คล้อยตามผู้อื่นได้ง่ายนัก
         ดังนั้นดาวพุธตนุลัคน์ที่ได้รับผลดีจากดาวร่วมกุมก็สามารถลดทอนความร้ายของดาวเสาร์ลงไปได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมของดาวพุธที่เปลี่ยนไปจากเดิมและเป็นการเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะถ้าเป็นดาวพุธที่สถิตราศีพิจิกเรือนธาตุน้ำโดยลำพังจะทำให้ดาวเสาร์เกิดเป็นแรงกดดันในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากคนในครอบครัว,จากบิดา-มารดา,จากการศึกษา,จากวัฒนธรรม-ประเพณี,จากกฎระเบียบ เนื่องจากดาวพุธในราศีธาตุน้ำจะไม่มีกำลังที่จะไปต่อต้านผู้ใดได้เลย ต้องคอยคล้อยตามและปฏิบัติตามผู้อื่นอยู่เสมอ เมื่อดาวพุธนี้ได้รับผลจากการกุมของดาวพฤหัสและดาวจันทร์ทำให้เกิดผลดีด้านความเข้มแข็งมั่นคงในจิตใจและมีความคิดเป็นของตนเองมากขึ้น ดาวพุธนี้ยังมีการสะสมความรู้เพราะได้รับการสั่งสอนอย่างเป็นระบบจากผู้ใหญ่หรือจากครอบครัว(ดาวพฤหัสเจ้าเรือนพันธุกุมดาวพุธ) ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจนทำให้เป็นคนที่มีเชื่อมั่นในตนเอง(ดาวจันทร์เจ้าเรือนลาภะกุมดาวพุธ) เมื่อเราอ่านตนุลัคน์ได้ในลักษณะนี้ก็จะทำให้รู้ได้ว่าดาวพุธนี้อ่อนโยนแต่ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด และที่สำคัญคือกลุ่มดาวในราศีพิจิกยังทำมุมเบียนส่งธาตุน้ำไปสู่ดาวเสาร์ทำให้เกิดความชุ่มเย็นอีกด้วย 
     ดังนั้นดาวเสาร์ที่สถิตในราศีธนูเรือนธาตุไฟจึงไม่ได้เป็นแรงกดดันอีกต่อไป จะต้องอ่านว่าเป็นความมุมานะพยายามอย่างจริงจังในด้านการศึกษา แม้ยังต้องอยู่ในกรอบของครอบครัวอย่างเข้มงวดแต่เจ้าชะตาก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด เพราะตนุลัคน์ที่คุมพฤติกรรมโดยรวมทั้งหมดก็ได้บอกเอาไว้อยู่แล้วว่าเจ้าชะตาเป็นคนมีระบบ-ระเบียบ มีความเข้มแข็งอดทนรู้จักไตร่ตรองทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำ และรู้จักพิจารณาแยกแยะคัดเลือกสิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิตของตนเท่านั้น

18 กันยายน 2563

ดาวปัตนิกุมลัคนา จะดีหรือร้าย

             ดาวปัตนิกุมลัคน์นั้นจะเป็นดาวที่มีตำแหน่งประ ส่วนมากที่เห็นจะยกเอาความหมายของดาวประมาใช้ออกคำทำนายกันโดยทันที วิธีที่ดีและควรทำเป็นอันดับแรกคือการดูว่าเป็นดาวอะไรเสียก่อน แล้วก็ตามด้วยราศีที่ดาวไปสถิตจึงจะทำให้ได้ความหมายที่ถูกต้องมากกว่าการใช้ความหมายสำเร็จรูป

และดาวเจ้าเรือนปัตนินั้นเราสามารถใช้อธิบายความหมายได้ถึง 3 ประการคือ
1. มุมมองในการเลือกเพศตรงข้ามของเจ้าชะตา
2. ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของเพศตรงข้ามในระหว่างที่คบหาหรือเมื่อมาเป็นแฟน
3. พฤติกรรมเมื่อมาเป็นคู่ครองของเจ้าชะตาแล้ว
จากรูปตัวอย่าง ลัคนาราศีสิงห์มีดาวราหูเจ้าเรือนปัตนิกุมลัคน์ ดาวราหูถ้าเราจะใช้เป็นมุมมองในการเลือกเพศตรงข้ามก็จะหมายถึงคนที่มีลักษณะบุคลิกคล่องแคล่ว มีชั้นเชิง มีเสน่ห์เป็นที่โดดเด่น มีไหวพริบ รักอิสระ ใจกว้าง และเมื่อเป็นในช่วงระหว่างคบหากันอยู่นั้นโดยธรรมชาติของทุกคนจะปล่อยลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมที่ดีๆออกมา ดังนั้นดาวราหูในราศีสิงห์จึงพยายามทำให้คนที่เขาจะจีบเกิดความประทับใจอย่างสุดๆโดยจะคอยติดตามเอาใจดูแลเจ้าชะตาเป็นอย่างดี จะมีความใจกว้างกล้าได้กล้าเสียและจะทำทุกอย่างเพื่อพิชิตใจเจ้าชะตา และเมื่อมาเป็นคู่ครองกันแล้วก็จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของดาวราหูในราศีสิงห์ออกมาอย่างเต็มที่ คือจะอยู่ในรูปแบบของการเข้ามาควบคุมหรือฉกฉวยผลประโยชน์จากเจ้าชะตา หรือใช้เจ้าชะตาเป็นฐานในการแสวงหาผลประโยชน์ หรือเข้ามาอาศัยเจ้าชะตาเป็นฐานในการเข้าถึงผลประโยชน์หรือเพื่อไปสู่ความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง หรือถ้ารุนแรงมากที่สุดก็คือการเข้ามาฉกชิงผลประโยชน์จากเจ้าชะตาอย่างซึ่งๆหน้าโดยไม่เกรงใจและไม่เกรงกลัว
ดาวราหูที่เป็นประในราศีสิงห์นั้นจะไม่ใช่ดาวราหูที่หมดกำลังหรือไร้ซึ่งเล่ห์กล แต่จะกลับกลายเป็นการใช้เล่ห์กลอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนและพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ตนเองต้องการ

แต่ความหมายทั้งหมดของดาวราหูก็ยังต้องพิจารณาดาวอาทิตย์ตนุลัคน์ว่าจะมีพฤติกรรมอย่างไร และดาวอาทิตย์ตนุลัคน์จะเป็นตัวเลือกพฤติกรรมของดาวราหูเจ้าเรือนปัตนิมาใช้อย่างถูกต้อง รวมถึงยังต้องดูเพศแท้จริงของเจ้าชะตาอีกด้วย ดังนั้นถ้าดาวอาทิตย์อยู่ในเรือนราศีที่ดีก็จะทำให้รับมือกับฤทธิ์เดชของดาวราหูนี้ได้อย่างดี แต่ถ้าดาวอาทิตย์อยู่ในเรือนราศีที่ด้อยกำลังก็จะทำให้ดาวราหูมีฤทธิ์เพิ่มมากขึ้นและจะรับมือกับดาวราหูได้ยาก เช่นดาวอาทิตย์สถิตในราศีเมษเรือนศุภะก็จะเป็นคนที่เก่งมีความสามารถสูงมีความหยิ่งทะนงไม่ยอมคนและมีความมั่นใจในตนเอง แม้ดาวราหูจะเข้ามาแผลงฤทธิ์แต่ดาวอาทิตย์ก็ยังมีมีวิธีรับมืออย่างรุนแรงและกดดันกลับไปอย่างจริงจังไม่อ่อนข้อ แต่ถ้าดาวอาทิตย์ไปสถิตในราศีพิจิกเรือนพันธุก็จะทำให้ดาวอาทิตย์นี้เกิดการอ่อนกำลังลงเพราะธาตุน้ำของราศี ทำให้ดาวราหูแผลงฤทธิ์เดชได้เต็มที่โดยไม่เกรงใจแต่อย่างใด และดาวอาทิตย์นี้ก็จะต้องยอมอ่อนข้อให้โดยไม่กล้าที่จะตอบโต้ไม่กล้าที่จะขัดขืนหรือขัดแย้ง ดาวตนุลัคน์ที่อยู่ในธาตุราศีธาตุน้ำและธาตุดินมักจะเป็นฝ่ายตั้งรับการถูกกระทำ แต่ถ้าตนุลัคน์อยู่ในราศีธาตุไฟหรือธาตุลมก็มักจะเป็นฝ่ายกระทำก่อนและพร้อมจะลุกไล่กลับหรือรู้จักวิธีหลบเลี่ยงเมื่อยามถูกกระทำ แต่ผลทั้งหมดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงถ้าหากมีดาวร่วมกุมหรือเบียน เพราะการพิจารณาที่ถูกต้องควรครอบคลุมดาวทั้งหมดในดวงชะตา อย่านำความหมายดาวเพียงดวงเดียวไปทำนายโดยไม่ไตร่ตรองผลกระทบอื่นๆนะครับ
 

ผลกระทบของดาวกุม-เบียน

             ราศีธาตุไฟมีด้วยกันทั้งหมด 3 ราศี ธาตุไฟจะทำให้ดาวที่มาสถิตเกิดพฤติกรรมที่เร่าร้อน,เร่งรีบ,กระตุ้น,บีบคั้น,กดดัน,จริงจัง ฯลฯ และแต่ละราศีก็จะให้ความหมายที่แตกต่างกันไปด้วยความหมายของดาวเจ้าราศีดังนี้
ราศีเมษ มีดาวอังคารเป็นเจ้าราศี = เป็นราศีธาตุไฟที่ผสมด้วยการต่อสู้,แข่งขัน,ความขยันขันแข็ง,ความเหน็ด เหนื่อย
ราศีสิงห์ มีดาวอาทิตย์เป็นเจ้าราศี = เป็นราศีธาตุไฟที่ผสมด้วยความทะเยอทะยาน,ชื่อเสียง,เกียรติยศ,เป้าหมาย
ราศีธนู มีดาวพฤหัสเป็นเจ้าราศี = เป็นราศีธาตุไฟที่ผสมด้วยสติปัญญา,วิชาความรู้,กฎระเบียบ,ศาสนา-ประเพณี
เมื่อเราสามารถแยกแยะความหมายของแต่ละราศีได้คร่าวๆดังนี้แล้ว ก็จะเห็นรายละเอียดของดาวที่เข้ามาสถิตว่าจะมีพฤติกรรมออกมาในแบบใด ในรูปตัวอย่างที่นำมาแสดงจะเป็นดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะในราศี ดาวเจ้าเรือนกัมมะที่สถิตในราศีเมษนี้จะเป็นสภาวะการงานที่ต้องเร่งรีบแถมมีการแข่งขันสูงและมีแรงกดดันอยู่ตลอดเวลา เมื่อเป็นดาวพุธจึงแสดงถึงการงานที่ต้องใช้ความคิดและการสื่อสารที่รุนแรงจริงจัง จะเกิดความขัดแย้งกันในเรื่องการสื่อสารและทางความคิดได้เสมอ ซึ่งทั้งสองดวงตัวอย่างแม้ดาวพุธจะสถิตราศีเดียวกัน แต่ดาวตนุลัคน์ที่กุมและเบียนจะทำให้ความหมายในการอ่านดวงชะตาให้ผลที่แตกต่างกัน
รูปดวงแรก.. ดาวพฤหัสตนุลัคน์กุมดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะในราศีเมษ ดาวพฤหัสในราศีเมษจะทำให้เจ้าชะตาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมีการใฝ่รู้ไม่หยุดนิ่งและพร้อมจะใช้ความรู้ความสามารถเข้าต่อสู้กับทุกปัญหาไม่ว่าจะยากสักแค่ไหน และดาวพฤหัสที่ได้รับธาตุไฟนี้จะมีความมั่นใจในตัวเองจึงมีสภาวะของความเป็นผู้นำที่สูงอีกด้วย เมื่อดาวพฤหัสมีดาวพุธเข้ากุมในราศีนี้เราก็ต้องแยกในการอ่านดาวพุธนี้ในสองสภาวะ คืออ่านในฐานะดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะในราศีเมษก็อ่านในแบบที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น และอ่านในอีกสภาวะคือดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะที่กุมดาวพฤหัส ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ดาวพฤหัสได้รับธาตุน้ำจากดาวพุธจึงเกิดความราบรื่นและคลายความร้อนจากธาตุไฟของราศีเมษลง นั่นจึงทำให้เราเห็นว่าเมื่อเจ้าชะตาทำงานแล้วกลับได้รับความสุข และงานที่ยากหรืองานที่ต้องแข่งขันสูงแค่ไหนล้วนเป็นสิ่งท้าทายความรู้ความสามารถของเจ้าชะตาเป็นอย่างยิ่ง แรงบีบคั้นจากดาวพุธจึงไม่ใช่ปัญหาของดาวพฤหัสในดวงชะตานี้แต่อย่างใด
และเมื่อกลับมาอ่านดาวพุธที่ได้รับผลจากดาวพฤหัสกุม ก็จะเป็นการลดทอนความร้อนรนเร่งรีบของการทำงานให้น้อยลงไป นั่นเป็นเพราะดาวพุธจะได้รับธาตุดินจากดาวพฤหัสทำให้มีการชะลอตัว และได้รับสติปัญญาจากดาวพฤหัสทำให้มีการกระทำที่เป็นระบบระเบียบ มีการวางแผนเป็นอย่างดีในการทำงานทุกๆขั้นตอน
รูปดวงที่สอง.. ดาวพฤหัสตนุลัคน์สถิตราศีมีนเรือนพันธุ มีดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะสถิตราศีเมษ ดาวพฤหัสในราศีมีนจะเป็นคนที่ไม่มีสภาวะของการต่อสู้แข่งขันและไม่มีสภาวะของผู้นำ มักมีความคิดเห็นคล้อยตามผู้อื่นไม่กล้าที่จะขัดแย้งถกเถียง ไม่มีการตัดสินใจที่เด็ดขาดชัดเจนและนิยมใช้การประนีประนอมในการแก้ไขปัญหา ดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะสถิตราศีเมษที่ได้ความหมายตามที่กล่าวไว้ข้างต้นจึงอาจดูว่าเป็นปัญหาต่อเจ้าชะตา เพราะดาวพฤหัสที่เบียนดาวพุธอยู่นั้นก็เป็นความหมายของการทำงานที่ต้องน้อมรับคำสั่ง หรือในการทำงานจะต้องคอยรองรับอารมณ์และต้องคล้อยตามผู้อื่นอยู่เสมอๆ แต่ผลดีในจุดนี้ก็ยังมีอยู่บ้างคือแค่เจ้าชะตาทำตามๆคำสั่งไปแบบไม่ขัดขืนไม่โต้เถียงก็จะไม่เป็นภัยแก่ตนเองแต่อย่างใด เนื่องจากดาวพฤหัสตนุลัคน์ในราศีมีนนี้ผู้ใหญ่หรือเจ้านายจะชอบและให้ความเอ็นดู
เมื่อกลับมาดูที่ดาวพุธสถิตราศีเมษที่ได้รับผลมุมเบียนจากดาวพฤหัส ทำให้ดาวพุธได้รับธาตุน้ำจากราศีมีนทำให้สภาวะการงานเกิดการชะลอตัวไม่มีการพัฒนาเพราะตนเองไม่กล้าตัดสินใจ และผู้ใหญ่มักจะให้ทำงานรับใช้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ไม่เติบโตก็จะทำให้เจ้าชะตาต้องติดอยู่กับตำแหน่งหน้าที่เดิมๆต่อไป
การอธิบายคร่าวๆทั้งหมดในเรื่องของดาวทั้งสองดวงนี้ ถ้ามีดาวอื่นทำมุมเพิ่มเติมก็จะมีเรื่องราวที่แตกต่างไปบ้างจากที่กล่าวไว้ เช่นในรูปดวงชะตาที่สองถ้ามีดาวสถิตในราศีกุมภ์(ซึ่งต้องไม่ใช่ดาวราหูหรือดาวเกตุ) ดาวพฤหัสจะได้รับผลเบียนจากราศีธาตุลมทำให้มีไหวพริบมีความคล่องแคล่วขึ้นมาบ้าง จึงสามารถจะเอาตัวรอดได้จากสถานะการณ์ที่บีบคั้นและมีความคิดเห็นที่เป็นของตนเองซึ่งก็มักจะเป็นในแนวที่แตกต่างจากผู้อื่น และยังทำให้ดาวพฤหัสมีพัฒนาการจะไม่อดทนเป็นเบี้ยล่างได้นานเพราะเมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสมก็จะผละออกหาความอิสระให้แก่ตนเอง

ดังนั้นการจะหาความหมายของดาวทั้งหมดในดวงชะตาจะต้องพิจารณาให้ครบทุกๆมุมดาว อย่าออกคำทำนายโดยใช้แค่ดาวเพียงดวงสองดวงที่ได้ตำแหน่งดีๆแล้วตีความหมายไปตามคำจำกัดความตามที่ท่องจำกันอีกเลยนะครับ  

พิจารณาดาวตำแหน่ง นิจ

            ดาวที่เป็นนิจส่วนมากแล้วเรามักจะทึกทักเอาว่าเป็นดาวที่ต่ำต้อย ด้อยค่า ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีหน้ามีตา ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเราควรจะต้องดูเสียก่อนว่าดาวนิจนั้นเป็นดาวอะไรและอยู่ในราศีอะไร จะทำให้ได้รับรู้ถึงเหตุและผลแห่งความเป็นนิจว่าส่งผลอย่างไรต่อดวงชะตา และที่สำคัญคือดาวตนุลัคน์จะเป็นตัวเลือกความหมายของดาวทั้งหมดในดวงชะตา อย่าใช้ความหมายดาวอื่นๆโดยเอกเทศจะทำให้การทำนายผิดพลาดขึ้นได้

ขอยกตัวอย่างตามรูปดวงที่นำมาลง...
ลัคนาราศีตุลย์มีดาวศุกร์สถิตราศีสิงห์ แล้วดาวอังคารเจ้าเรือนกดุมภะ-ปัตนิสถิตราศีกรกฎเรือนกัมมะ ในตอนแรกที่เห็นดาวอังคารที่สถิตราศีกรกฎ(เป็นนิจ)ถ้าเราอ่านดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนกดุมภะหรือปัตนิก็มักจะใช้ความหมายของนิจในทันที เช่น เจ้าชะตามีฐานะการเงินที่น้อย , หากทำงานก็ไม่ค่อยได้เงิน , ได้คู่ครองเป็นคนไม่มียศศักดิ์ , ได้คู่ครองต่ำต้อย , ได้คู่ครองตกงานหรือไม่ยอมทำงานทำการ ฯลฯ
ถ้าอ่านแบบนี้จะเป็นคำทำนายที่ไม่ถูกต้องและผิดหลักการอีกด้วย สาเหตุก็เพราะดาวศุกร์ที่เป็นตนุลัคน์สถิตราศีสิงห์(ธาตุไฟ)เรือนลาภะ ตรงนี้จะเป็นจุดสำคัญที่จะใช้เลือกความหมายของดาวอังคาร(นิจ)ได้อย่างดีที่สุด

ดาวศุกร์ที่สถิตราศีสิงห์เป็นดาวศุกร์ที่ได้รับพลังงานของธาตุไฟทำให้เจ้าชะตามีความทะเยอทะยาน มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มีความกระตือรือร้นและมีความจริงจังมีเป้าหมายในการเข้าหาโอกาสที่ดีให้แก่ตนเอง เมื่อมองในขั้นต้นแล้วว่าเจ้าชะตาไม่ใช่คนที่เลื่อนลอย ดังนั้นถ้าเจ้าชะตาจะทำมาหากินหรือแม้แต่จะหาแฟนสักคนก็จะต้องทำอย่างเต็มที่และมีเหตุผลในการกระทำในทุกๆครั้ง เมื่ออ่านดาวอังคารในความหมายเจ้าเรือนกดุมภะ(เป็นนิจ)มีดาวอาทิตย์กุมแบบนี้จะต้องอ่านว่า เจ้าชะตาเป็นคนกระตือรือร้นทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง(ดาวศุกร์ในราศีสิงห์) แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายได้มากนัก(ดาวอังคารนิจ) แต่ถ้าทำแล้วได้ชื่อเสียงหน้าตาก็จะเป็นสิ่งที่ถูกใจเจ้าชะตามากกว่า(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์ในเรือนกัมมะ) และการใช้จ่ายเงินทองถ้าจะซื้อของก็ต้องเป็นของที่มียี่ห้อหรือทำให้ตนเองดูดีจะแพงเท่าไหร่ก็ไม่ว่า หรือถ้าเจอผู้หญิงที่เอาใจเก่งๆก็พร้อมที่จะควักจ่ายแบบไม่ยั้งมือด้วยเช่นกัน และถ้าจะนำเงินไปลงทุนในกิจการงานใดๆก็จะลงทุนน้อยแต่หวังผลกำไรสูงหรือมีเป้าหมายที่สูง(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์ในเรือนกัมมะ)
****ในความหมายแรกที่บอกว่า.. “เจ้าชะตาเป็นคนมีความมุ่งมั่นทะเยอะทะยานมีความกระตือรือร้น แต่ไม่ให้ความสำคัญกับรายได้มากนัก” ความหมายของประโยคนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าชะตาไม่เลือกงานแล้วให้ทำอะไรก็ได้เพียงให้ได้เงินหรือทำงานแล้วได้เงินน้อยก็จำเป็นต้องทำ แต่หมายถึงเจ้าชะตาเป็นคนที่มีความสามารถจนไม่ต้องนำพากับการเรียกร้องค่าจ้าง
ถ้าอ่านดาวอังคารในความหมายเจ้าเรือนปัตนิก็จะต้องอ่านว่า เจ้าชะตาเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความขยันขันแข็งในการสู้ชีวิตทำให้ได้รับความสำเร็จมีชื่อเสียงเงินทอง(ดาวศุกร์ในราศีสิงห์) เจ้าชะตาจะเลือกผู้หญิงที่มีนิสัยเรียบร้อยไม่จำเป็นต้องขยันขันแข็งมากนักแต่ต้องรู้จักการเอาอกเอาใจตนเองเป็นอย่างดี(ดาวอังคารนิจ) แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องมีความโดดเด่น(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์) หรือผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีความสำเร็จในหน้าที่การงานติดตัวมาด้วยก็ยิ่งดี(ดาวอังคารกุมดาวอาทิตย์ในเรือนกัมมะ)

ในส่วนของดาวอังคารที่กุมดาวอาทิตย์นั้นก็อย่าไปใช้ในความหมายของดาวคู่ศัตรูเสียจนไม่สนใจความหมายที่ดีของดาวทั้งสอง ดาวกุมกันทุกดวงล้วนแต่ส่งผลได้ทั้งความดีและร้ายให้แก่กันและกัน ขึ้นอยู่ว่าเรากำลังจะอ่านในเรื่องราวใด และการอ่านดาวกุมนั้นก็ต้องรู้จักด้วยว่าเรากำลังอ่านดาวอะไรก็ต้องเอาดาวนั้นเป็นประธานของเรื่อง เช่นเรากำลังต้องการอ่านดาวอังคารก็ต้องใช้ความหมายของดาวอังคารเป็นเรื่องนำ แล้วให้ความหมายของดาวอาทิตย์เป็นส่วนขยาย และถ้าจะบอกว่าดาวอังคารนี้ฟื้นด้วยผลของดาวอาทิตย์กุมได้หรือไม่.. ก็บอกได้ว่าเป็นไปได้เช่นกัน แต่การฟื้นนั้นไม่ได้ฟื้นจากความเป็นนิจตามที่เข้าใจ แต่เป็นการฟื้นในเรื่องพฤติกรรมของดาวอังคารที่สถิตในเรือนธาตุน้ำแล้วได้รับธาตุไฟและความหมายของดาวอาทิตย์ผสมเข้าไป ทำให้เกิดเป็นความไม่อยู่นิ่งหรือมีความกระตือรือร้นขึ้นมากมากกว่าเดิม ดาวอังคารนี้จึงไม่ได้เป็นแค่คนที่เข้ามาคอยเอาอกเอาใจเฉยๆ แต่มีเป้าหมายในการกระทำนั้นๆด้วยเช่นกัน ดาวอังคารนี้เมื่อจะทำอะไรถ้าได้รับผลตอบแทนหรือได้รับลาภผลก็จะสามารถทำได้ดีมากขึ้น หรือเป็นดาวอังคารที่ทำทุกอย่างด้วยการวางเป้าหมายไม่ใช่ทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าไร้ซึ่งทิศทาง และถ้าเป็นการทำที่ต้องไม่เหน็ดเหนื่อยด้วยก็ยิ่งดี

ส่วนมากแล้วความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในดวงชะตาลักษณะนี้เกิดขึ้นเพราะดาวศุกร์ในราศีสิงห์ และเป็นผลที่เกิดจากการมีดาวเบียนจากราศีกรกฎด้วยเช่นกัน ดาวศุกร์ในราศีธาตุไฟจะเป็นดาวที่ต้องการธาตุน้ำเพื่อให้ตนเองเกิดความสุขสบายในความหมายเดิม เมื่อดาวศุกร์นี้มีดาวเบียนจากราศีกรกฎเรือนธาตุน้ำก็แสดงผลทำให้เป็นคนที่ต้องการคนที่มาเอาใจใส่ดูแลจนบางครั้งอาจมากเกินไป , ชอบที่จะเรียกร้องความสนใจจากฝ่ายตรงข้าม , เป็นคนที่มีความรักจริงจังอาจทำให้เป็นคนขี้หึงและหวงแหนอย่างมาก และเมื่ออีกฝ่ายมีอาการฮึดฮัดหรือมีท่าทีขัดขืนไม่ทำตามในสิ่งที่ตนเองต้องการ เจ้าชะตาก็จะแสดงอาการไม่พอใจหรือเกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้ในทันที และดาวอาทิตย์ที่กุมดาวอังคารนี้ก็จะซ่อนผลเสียอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะปกติดาวศุกร์ในราศีสิงห์จะมีความเป็นผู้นำและเชื่อมั่นในตัวเองสูง เมื่อดาวอังคารถูกดาวดาวอาทิตย์กุมก็จะทำให้ดาวอังคารเกิดภาพของการเป็นผู้นำและมีความเชื่อมั่นที่ซ้อนทับเข้ามาด้วยเช่นกัน(แต่เป็นในปริมาณที่น้อยกว่าดาวศุกร์ และถ้าดวงชะตานี้เป็นของผู้หญิงก็จะเกิดผลเสียได้มากกว่าเป็นดวงชะตาของผู้ชาย) ดังนั้นดาวศุกร์และดาวอังคารก็จะเกิดความขัดแย้งหรือเกิดปัญหาต่อกันได้ในช่วงที่มีดาวจรส่งผลร้ายแก่ดาวใดดาวหนึ่งหรือทั้งสองดาวเลยก็ได้

การอ่านความหมายดาวที่มีตำแหน่งด้อยค่านั้นควรจะต้องเลือกหาความหมายที่ถูกต้องกับตนุลัคน์ให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นเราจะหลงประเด็นในการทำนายแล้วหาจุดสรุปที่ลงตัวไม่ได้ และเมื่ออ่านพื้นดวงผิดถ้าถึงคราวจะทำนายจรก็เกิดความผิดพลาดตามไปด้วยเช่นกัน 

ความสำคัญของการอ่านพื้นดวง

            เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปเห็นในการแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความรู้ด้านโหราศาสตร์ และเห็นผู้กล่าวแนะนำในทำนองว่า “ไม่ต้องไปอ่านพื้นดวงให้มากนัก เพราะดวงจรจะบอกสิ่งที่เกิดในปัจจุบันและอนาคต ส่วนพื้นดวงไม่สำคัญเท่าไหร่” เมื่อผมอ่านคำตอบแบบนี้ก็รู้ได้เลยว่าคนที่แนะนำคงจะไม่สามารถพัฒนาความรู้โหราศาสตร์ของตนไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างแน่นอน

เหตุผลเพราะอะไร... ทำไมผมคิดเช่นนั้น

ก็เพราะพื้นดวงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำนายดวงชะตา อย่างน้อยการอ่านพื้นดวงก็เป็นการฝึกฝนในขั้นต้นที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ และการจะทำนายจรได้ถูกต้องนั้นควรจะตีพื้นดวงให้แตกเสียก่อน พื้นดวงจะเป็นตัวบ่งบอกถึงอุปนิสัยและพฤติกรรมของเจ้าชะตาว่าเป็นคนอย่างไร เช่น เป็นนักสู้ , เป็นคนมีความอดทน , เป็นคนมีสติปัญญา , เป็นคนโลเล หรือเป็นคนท้อถอยง่าย ฯลฯ เมื่อเรารู้ว่าเจ้าชะตามีอุปนิสัยอย่างไรก็จะสามารถทำนายได้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์จากดาวจรในลักษณะไหน อาทิคนที่มีพื้นดวงแสดงถึงการเป็นนักสู้เมื่อมีดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะหาทางฟันฝ่าอุปสรรคอย่างเต็มที่ หรือถ้าเป็นคนมีความอดทนเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะสามารถยืนหยัดอดทนต่อความยากลำบาก หรือถ้าเป็นคนที่มีสติปัญญาเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะสงบนิ่งแล้วใช้ความรู้ที่มีเพื่อหาวิธีแก้ไข และสุดท้ายถ้าเป็นคนที่ท้อถอยง่ายเมื่อโดนดาวเสาร์จรเข้าทำร้ายก็จะยอมแพ้กับโชคชะตาและมีชีวิตอยู่กับความทุกข์ระทม

การอ่านพื้นดวงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนเป็นเวลานาน และการจะผ่านถึงขั้นอ่านพื้นดวงได้แตกก็ต้องมีประสบการณ์การอ่านดวงครูหลายสิบดวง(บางคนอาจเป็นร้อยดวงเลยก็ได้) และหากมีครูคอยชี้แนะขัดเกลาก็จะทำให้เรียนรู้ได้เร็วกว่าการฝึกฝนด้วยตนเอง แต่ถึงแม้จะมีดวงครูเป็นสิบเป็นร้อยหากผู้เรียนไม่มีความเข้าใจพื้นฐานของหลักวิชาก็คงจะเปล่าประโยชน์ ดังนั้นการเรียนโหราศาสตร์ให้ได้ผลดีจะต้องทำความเข้าใจให้มากๆ หากผู้เรียนมัวแต่ไปท่องจำเคล็ดลับหรือคอยสืบหาทริคแปลกๆมาใช้ก็บอกได้คำเดียวว่า... เสียเวลาเปล่า ผมเคยผ่านการใช้หลักวิชามาก็หลากหลายระบบทั้งการใช้ตนุเศษ,ตนุเกษตร,นวางค์,ตรียางค์,ทักษา,ฤกษ์,นักษัตร,จาตุรงคโชค,พินทุบาทว์และเกณฑ์ต่างๆ (น่าจะแค่นี้เท่าที่จำได้) แต่เชื่อหรือไม่ว่าการฝึกฝนโหราศาสตร์ในขั้นต้นนั้นขอแค่คุณทำความเข้าใจความหมายดาวและราศีให้ได้มากที่สุด(ความหมายเรือนเป็นสิ่งที่รู้ๆกันดีอยู่แล้ว) แล้วผสมผสานการอ่านด้วยมุมดาวก็จะสามารถทำนายพื้นดวงได้เป็นอย่างดีโดยที่ยังไม่ต้องไปอาศัยหลักการอื่นๆเลย และเมื่อฝึกฝนการอ่านที่ผมแนะนำจนเกิดความมั่นใจและอ่านพื้นดวงได้แตกแล้ว คุณจะเพิ่มเติมหรือเสริมหลักการและกฎเกณฑ์ใดก็แล้วแต่ความถนัดหรือความชอบส่วนตัวได้เลย แต่ถ้าทำเหมือนผมคือไม่ได้ใช้กฎเกณฑ์ใดๆเสริมในคำทำนายก็ยังจะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วย เพราะถ้าไม่รู้เสียเลยก็จะไม่สามารถหาความแตกต่างว่าเมื่อเราใช้หรือไม่ใช้ให้แล้วผลจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือนักโหราศาสตร์กว่า90%ยังใช้กฎเกณฑ์ต่างๆอยู่เป็นปกติ ดังนั้นถ้าเราไม่รู้เรื่องกฎเกณฑ์อะไรเลยก็จะไม่สามารถถกประเด็นหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่นได้เลยนะครับ 

ดาวที่ไปสถิตเรือนอริ ดี-ร้าย อย่างไร

            เรือนอริเป็นเรือนที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าคือเรือนแห่งปัญหาและอุปสรรค แต่เคยรับรู้หรือไม่ว่าดาวที่ไปสถิตเรือนอรินั้นเป็นเพียงแค่การเข้าเกี่ยวข้องกับปัญหา,อุปสรรค ดาวลักษณะนี้อาจจะเป็นสาเหตุของปัญหาหรือเป็นตัวก่อปัญหา และอาจจะไม่ได้เป็นสาเหตุของปัญหาหรือไม่ได้ก่อปัญหาตามที่เคยเข้าใจมาก่อนเลยก็เป็นได้ และยังมีการทำนายที่สับสนอีกกรณีคือ ดาวเจ้าเรือนกดุมภะไปสถิตเรือนอริ กับดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนกดุมภะ นักทำนายมือใหม่ส่วนมากมักจะทำนายว่าการเงินมีปัญหาเหมือนกันทั้งสองกรณี ซึ่งถ้าแยกความแตกต่างจะได้ความหมายที่ไม่เหมือนกันเลยคือ
ดาวเจ้าเรือนกดุมภะไปสถิตเรือนอริจะหมายถึงการใช้เงินหรือใช้ทรัพย์สินเข้าไปแก้ไขปัญหา , การปล่อยกู้ , การนำเงินไปชำระหนี้ ฯลฯ
ส่วนดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนกดุมภะจะหมายถึงการติดขัดหรือเกิดปัญหาด้านการเงิน , การกู้ยืม(หนี้สิน) , ถูกฟ้องร้องหรือมีคดีความด้านการเงิน , ถูกทวงเงิน ฯลฯ
ทีนี้กลับมาเรื่องดาวไปสถิตเรือนอริกันต่อ.. ดาวที่ไปสถิตเรือนอริแล้วจะมีพฤติกรรมสร้างปัญหาหรืออาจจะไม่ได้เป็นตัวสร้างปัญหานั้นเราสามารถแยกแยะดังนี้คือ ต้องดูว่าดาวนั้นๆเป็นดาวอะไร-เจ้าเรือนอะไรและเรือนอริที่ไปสถิตเป็นราศีอะไร เช่น
ลัคนาราศีธนูมีดาวพฤหัสตนุลัคน์ไปสถิตเรือนอริราศีพฤษภ ก็จะหมายถึงเจ้าชะตาจะใช้ความรู้ความสามารถ(ดาวพฤหัส) พินิจพิจารณาด้วยสติที่รอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป(ราศีธาตุดิน) ในการเข้าไปแก้ไขปัญหา(เรือนอริ)
หรือลัคนาราศีพิจิกแล้วดาวอังคารตนุลัคน์ไปสถิตเรือนอริราศีเมษ ก็จะหมายถึงเจ้าชะตาเป็นนักต่อสู้(ดาวอังคาร) มีการใช้อารมณ์ที่จริงจังและต่อสู้อย่างไม่มีการประนีประนอม(ราศีธาตุไฟ) เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาที่มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน(เรือนอริและดาวอังคารเป็นเจ้าเรือนอรินี้ด้วย) ดาวอังคารนี้จึงเป็นคนประเภทยอมหักไม่ยอมงอและการเข้าไปแก้ไขปัญหาก็จะใช้อารมณ์แบบไม่มีเหตุผล ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ตนเองได้มากกว่าผลดีจึงอาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับตนเองกลับมาก็ได้
หรือถ้าลัคนาราศีตุลย์แล้วดาวศุกร์สถิตเรือนอริราศีมีน ก็จะหมายถึงเจ้าชะตาเป็นคนที่มีความสุขสมบูรณ์(ดาวศุกร์) มักได้รับการดูแลหรือได้รับการอุปถัมภ์ช่วยเหลือจากผู้ใหญ่(ราศีมีนธาตุน้ำ) ในการแก้ไขปัญหา(เรือนอริ) ดาวศุกร์ในลักษณะนี้จะทำให้เจ้าชะตาแทบไม่ทุกข์ร้อนกับปัญหาใดๆทั้งสิ้น ซึ่งความไม่ทุกข์ร้อนนี้อาจจะกลับมาเป็นตัวสร้างปัญหาให้แก่ตนเองได้อีกด้วยเช่นกัน
เมื่ออ่านดาวที่มาสถิตเรือนอริได้ความหมายตามที่อธิบายวิธีไปแล้ว เราก็มาดูว่าดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือน-ราศีใด นั่นจึงเป็นการแสดงถึงผลต่อเนื่องว่าดาวสถิตเรือนอริออกพฤติกรรมเช่นนั้นแล้วให้ผลอย่างไรต่อไป
จะขอยกตัวอย่างสักดวงชะตาซึ่งเป็นของคนที่ทำงานเป็นตัวแทนประกันภัย เจ้าชะตาลัคนาราศีธนูมีดาวพฤหัสตนุลัคน์สถิตเรือนอริราศีพฤษภ แล้วดาวศุกร์เจ้าเรือนอริมาสถิตเรือนกดุมภะราศีมังกร หมายความว่าเจ้าชะตาเป็นคนมีสติปัญญาที่รอบคอบในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเจ้าชะตารู้สึกว่าเป็นปัญหาที่ไม่ยาก(ดาวศุกร์) และมักเป็นปัญหาด้านการเงินหรือทรัพย์สิน(เรือนกดุมภะ) ที่มีการสะสมเป็นเวลานานหรือเป็นปัญหาที่เกิดจากการติดขัดหรือมีความล่าช้า(ราศีมังกรธาตุดิน)

ต่อจากนี้ไปเมื่อเห็นดาวที่ไปสถิตเรือนอริก็อย่าไปทึกทักว่าเป็นสาเหตุของปัญหาหรือมองว่าเป็นการเข้าไปก่อปัญหาเสียทั้งหมด ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าเป็นดาวอะไรและดูว่าเรือนอริเป็นราศีอะไร เมื่อเราผสมความหมายได้ถูกต้องครบถ้วนก็จะสามารถนำไปแก้ไขให้เกิดความเหมาะสมกับดวงชะตาครับ  

ดาวมรณะในเรือนปัตนิ เรื่องคู่ครอง ???

          โดยส่วนมากแล้วถ้ามีดาวเจ้าเรือนมรณะมาสถิตเรือนปัตนิ ก็มักจะเห็นคำทำนายในลักษณะที่ว่า...
“จะได้คนต่างถิ่นแดนไกลหรือชาวต่างชาติเป็นคู่ครอง หรือคู่ครองมีสภาวะแวดล้อมที่ต้องเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ หรือจะต้องมีปัญหาจนต้องห่างเหินกับคู่ครอง หรือได้คู่ครองเป็นคนต่างศาสนา ฯลฯ”
ซึ่งดาวในลักษณะนี้เรายังสามารถเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละประเด็นด้วยความหมายของ "ดาวเจ้าเรือนมรณะ" และ "ธาตุราศีของเรือนปัตนิ" และเมื่อผสมกับความหมายของดาวตนุลัคน์ก็จะทำให้เราสามารถเลือกใช้ความหมายที่ถูกต้องมาใช้ในการทำนายได้ชัดเจนมากที่สุด
จะขอยกตัวอย่างลัคนาราศีกรกฎ มีดาวราหูเจ้าเรือนมรณะมาสถิตราศีมังกรเรือนปัตนิ ในขั้นต้นเราจะต้องหาความหมายของเรือนมรณะมาให้สัมพันธ์กับความหมายของดาวราหูในราศีมังกรให้มากที่สุด เช่นถ้าเราจะใช้ความหมายว่าได้คนต่างชาติมาเป็นคู่ครองหรือคู่ครองมีสภาวะที่ต้องเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ความหมายต่างชาติที่เป็นดาวราหูก็คือชาวเอเซีย(จีน,เกาหลี,ญี่ปุ่น,มาเลย์,สิงคโปร์ ฯลฯ)ที่จะต้องมาอยู่อาศัยในถิ่นฐานของเจ้าชะตาเป็นระยะเวลานาน(ราศีธาตุดิน) หรือถ้าจะอ่านว่าเจ้าชะตาต้องมีปัญหากับคู่ครองจนต้องห่างเหินกันไปก็จะต้องเป็นเรื่องราวที่เกิดการสะสมเพาะบ่มเป็นระยะเวลานาน(ธาตุดิน) และปัญหานั้นจะต้องเป็นเรื่องนิสัยของดาวราหูคือการไม่ใส่ใจดูแลต่อกัน หรือหากจะดูว่าได้คู่เป็นคนต่างศาสนาก็จะต้องเป็นความแตกต่างที่จะต้องสร้างปัญหาต่อกัน เพราะดาวที่ไปสถิตราศีมังกรมักจะเกิดภาพของปัญหาที่สะสมพอกพูนมากขึ้นไปตามระยะเวลา
แต่ในมุมที่ดีของราศีธาตุดินที่ดาวมรณะไปสถิตนี้ก็คือ การที่คู่ครองจะต้องเป็นคนที่ได้มรดกตกทอดเป็นที่ดินอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเราเลือกใช้ในความหมายนี้ก็ไม่ต้องใช้ความหมายของต่างชาติอีกแล้ว เพราะเมื่อเราเลือกความหมายของเรือนมรณะมาเป็นเรื่องมรดกแล้ว ก็ห้ามใช้ความหมายเรื่องต่างถิ่นต่างแดนให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความหมายดาวหรือเรือนเมื่อเราเลือกมาใช้แล้วก็ควรใช้ในความหมายเดียวเท่านั้น

ในเมื่อเราหาความหมายของดาวราหูเจ้าเรือนมรณะมาได้หลากหลายเช่นนี้ แล้วเราจะใช้อะไรมาเป็นตัวเลือกความหมายใดมาใช้ให้ตรงกับดวงชะตามากที่สุด.. ?
ในส่วนนี้เราก็ต้องนำเอาดาวจันทร์ตนุลัคน์มาเป็นตัวตัดสินว่าจะเลือกความหมายใดของดาวราหู เช่นถ้าดาวจันทร์ตนุลัคน์สถิตราศีธนูก็จะทำให้เจ้าชะตามักเกิดปัญหาในด้านเชื้อชาติศาสนา เราจึงตัดประเด็นในเรื่องการได้คู่ครองต่างชาติหรือต่างศาสนาไปได้เลย หรือถ้าดาวจันทร์สถิตราศีสิงห์ก็เป็นคนที่มีความคิดอ่านในเรื่องเงินทองหรือชื่อเสียงเป็นลำดับแรก ก็จะมองหาคนที่มีฐานะมั่นคงเป็นสำคัญจึงอาจจะเลือกคู่ครองที่มีมรดกตกทอด แต่ถ้าเป็นดาวจันทร์สถิตในราศีตุลย์ก็จะเป็นคนสนุกสนานและมีเสน่ห์ก็อาจจะเลือกความหมายของดาวราหูในเรือนปัตนิได้หลากหลายเพราะตนเองจะไม่มีกฎเกณฑ์มากมายนัก แต่จะต้องมีปัญหาเพราะดาวจันทร์ในราศีตุลย์เรือนพันธุจะเป็นคนที่เอาใจใส่และรักครอบครัว แต่ดาวราหูที่มาสถิตในเรือนปัตนิจะทำให้คู่ครองมีปัญหาในการใส่ใจดูแลต่อกัน ตรงนี้เราจึงสามารถเลือกความหมายด้านปัญหาในการใส่ใจดูแลจึงจะถูกต้อง และในส่วนของดาวจันทร์ในราศีธาตุอื่นๆก็จะเกิดผลในการเลือกคำทำนายต่อดาวราหูที่แตกต่างกันไปเช่นกัน

เมื่ออ่านถึงตรงนี้หลายๆคนอาจจะท้วงติงว่าผมยังไม่ได้ดูดาวเจ้าเรือนปัตนิแล้วจะสรุปผลของดาวราหูในเรื่องคู่ครองได้เช่นนี้เชียวหรือ ซึ่งในความเป็นจริงการอ่านเพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้คาดเดาเรื่องราวได้พอประมาณ ดาวปัตนิจึงเป็นเพียงดาวที่ใช้พิจารณาพฤติกรรมและนิสัยของคู่ครองอันเป็นผลที่ต่อเนื่องจากดาวราหูเจ้าเรือนมรณะ และจะสรุปผลในลักษณะใดก็ต้องดูว่าดาวปัตนิไปสถิตเรือน-ราศีใดอีกต่อไป 

ดาวอริสถิตเรือนมรณะ อ่านอย่างไรให้ถูกต้อง

           ดาวเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนมรณะนั้น ผู้ทำนายมือใหม่ส่วนมากที่ใช้การอ่านเพียงเรือนสู่เรือนก็มักจะตีความหมายว่า “ศัตรูพ่ายแพ้ หรือศัตรูหมดสิ้น หรือศัตรูพ่ายแพ้ภัยตัวเอง หรือโรคภัยไข้เจ็บหมดสิ้นไป ฯลฯ” การทำนายในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้เพราะถือว่าขาดหลักการคิดวิเคราะห์ ในหลักวิชาโหราศาสตร์มีดาวและราศีธาตุเป็นองค์ประกอบสำคัญไว้ขยายรายละเอียด เราจึงควรจะพิจารณาให้ครบถ้วนทั้งหมดเพื่อให้ได้ความหมายที่ถูกต้อง และการจะใช้ความหมายดาวหรือเรือนราศีก็ต้องเลือกอีกว่าจะใช้ในเชิงรูปธรรมหรือนามธรรม เพราะถ้าเรานำลักษณะใดลักษณะหนึ่งมาใช้ก็ต้องเลือกความหมายให้ถูกต้องและควรไปในแนวทางเดียวกัน หากเลือกความหมายที่สับสนปนเปและไม่สอดคล้องกันก็จะทำให้การทำนายผิดพลาดได้

ดาวแต่ละดวงจะมีความหมายที่แตกต่างกันรวมถึงแต่ละราศีก็ทำให้เกิดความหมายด้านพฤติกรรมของดาวที่แตกต่างด้วย ความแตกต่างนี้ก็มีทั้งทางด้านรูปธรรมและทางนามธรรม ยกตัวอย่างเช่นดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริ(ราศีมีน)ไปสถิตเรือนมรณะราศีพฤษภ หากจะอ่านดาวเจ้าเรือนอริในความหมายของศัตรูก็ต้องหาความหมายในเชิงบุคคล(รูปธรรม) และบุคคลในความหมายของดาวพฤหัสคือผู้ใหญ่,ครู-อาจารย์ ฯลฯ ดังนั้นบุคคลเหล่านี้ที่จะมาเป็นศัตรูกับเราด้วยวิธีใดหรือลักษณะใดก็ต้องหาความหมายจากการที่ดาวพฤหัสไปสถิตราศีพฤษภเรือนมรณะนั่นเอง

ขออนุญาตแนะนำวิธีหรือขั้นตอนในการอ่านดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริสถิตราศีพฤษภเรือนมรณะมีดังนี้คือ
เรือนอริ = ปัญหา , อุปสรรค , โรคภัยไข้เจ็บ , หนี้สิน , ศัตรู ฯลฯ
ดาวพฤหัส = สติปัญญา , ความรู้ , ความคิด-อุดมการณ์ , การศึกษา , ผู้ใหญ่ , ครู , ศาสนา , วัฒนธรรม-ประเพณี ฯลฯ
ราศีพฤษภ = (เรือนธาตุดิน มีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือน) การเก็บสะสม , ความสม่ำเสมอ , การชะลอตัว , ความนิ่งสงบ , การยึดติดด้วยความพึงพอใจ , ความพอเพียงและการมีความสุขในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ , การอยู่ในโลกส่วนตัวได้อย่างมีความสุข ฯลฯ
เรือนมรณะ = หมดสิ้น , สิ้นสุด , ครบถ้วน , เสร็จสิ้น ฯลฯ
ดาวพฤหัสที่เป็นเจ้าเรือนอริมีความหมายได้หลากหลายเช่น ศัตรูเป็นคนที่มีความรู้-มีการศึกษาหรือเป็นผู้ใหญ่หรือครู-อาจารย์ , เกิดปัญหาและอุปสรรคจากความคิด-อุดมการณ์(ที่ตนเองยึดติด-ยึดถือมากเกินไป) หรือเกิดอุปสรรคในการศึกษา-ระเบียบกฎเกณฑ์-กติกา หรือเกิดปัญหาในเรื่องของการยึดถือประเพณี-วัฒนธรรม-ศีลธรรม ดาวเจ้าเรือนอริที่ไปสถิตในราศีพฤษภเรือนธาตุดินจะเป็นปัญหาหรือเป็นอุปสรรคที่ไม่ได้ส่งผลเสียหายรุนแรง และถ้าหมายถึงศัตรูก็ไม่ได้เป็นศัตรูที่ร้ายกาจมากนัก
ดาวพฤหัสที่เป็นเจ้าเรือนอริมาสถิตราศีพฤษภนี้เราสามารถเลือกใช้ความหมายแบบเห็นได้ชัดก็คือ เกิดปัญหาจากการที่ตนเองยึดติดกฎเกณฑ์หรือยึดถืออุดมการณ์ของตนมากเกินไป หรือเป็นการยึดติดอยู่กับสิ่งที่ตนเองเรียนรู้มาโดยไม่ค่อยเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ทำให้เกิดการชะลอตัวด้านพัฒนาการหรือมีพัฒนาการอย่างเชื่องช้า ส่วนความหมายจากเรือนมรณะก็ส่งผลทำให้ตนเองมองว่าสิ่งที่เรียนรู้มานั้นครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หรือเข้าใจว่าตนเองเรียนรู้ศึกษาจนหมดสิ้นแล้ว ทีนี้ก็จะมองเห็นแล้วว่าดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่สถิตเรือนมรณะราศีพฤษภนั้นสร้างปัญหาให้กับตนเองอย่างไร

ถ้าหากดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริไปสถิตเรือนราศีอื่นก็จะเป็นปัญหาที่แตกต่างไป เช่นถ้าหากดาวพฤหัสไปสถิตราศีกุมภ์ก็จะหมายความว่าเกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคเพราะการไม่เอาจริงเอาจังในด้านการศึกษา หรือปัญหาที่เกิดจากการไม่ใช้ความรู้ที่เล่าเรียนมา หรือเกิดปัญหาเพราะไม่เคารพ-ไม่ยึดถือระเบียบ-กฎกติกาก็ได้ ซึ่งเราสามารถจะแยกแยะพฤติกรรมในการทำให้เกิดปัญหาของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริในแต่ละราศีโดยคร่าวๆได้ดังนี้ สถิตราศีธาตุดินทำให้ปัญหาเกิดจากการยึดติด-ยึดถือหรือรอบคอบคิดแล้วคิดอีกจนเชื่องช้า สถิตราศีธาตุลมทำให้ปัญหาเกิดจากการละเลยหรือปล่อยวางหรือคิดเร็วเกินไปจนขาดความรอบคอบ สถิตราศีธาตุน้ำทำให้ปัญหาเกิดจากการไม่กระตือรือร้น,ไม่จริงจังมักมีความคิดเห็นคล้อยตามผู้อื่นหรือมักรอความช่วยเหลือ สถิตราศีธาตุไฟทำให้ปัญหาเกิดจากการความคิดที่จริงจังและมีความเข้มงวดในกฎระเบียบที่มากเกินไป

แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็ยังต้องดูดาวศุกร์ตนุลัคน์ว่าสถิตในราศีใด เพราะตนุลัคน์นี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเลือกใช้ความหมายของดาวพฤหัส เช่นดวงตัวอย่างที่ให้ดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือนอริราศีมีนก็แสดงว่ามีลัคนาราศีตุลย์ ถ้าจะสมมติในสองดวงชะตาที่ลัคนาราศีตุลย์แล้วดวงหนึ่งมีดาวศุกร์สถิตราศีตุลย์กับอีกดวงหนึ่งมีดาวศุกร์สถิตราศีสิงห์ ทั้งสองดวงชะตาก็จะมีความหมายของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่ไปสถิตเรือนมรณะที่ไม่เหมือนกัน เพราะดาวศุกร์ตนุลัคน์ที่สถิตราศีตุลย์จะเป็นคนที่ชอบความสนุกสนานรื่นเริงและไม่กระทำอะไรจริงจังนัก แต่ดาวศุกร์ในราศีสิงห์จะเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและไม่ชอบอยู่นิ่งเฉยมีความจริงจังในสิ่งที่กระทำ ดังนั้นผลจากดาวศุกร์ตนุลัคน์ทั้งสองราศีเช่นนี้จะเลือกความหมายของดาวพฤหัสที่ไม่เหมือนกันก็คือ
ถ้าดาวศุกร์ในราศีตุลย์ก็จะเลือกความหมายของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่ว่า มีปัญหาที่เกิดจากระบบหรือระเบียบที่ตนเองเหมือนถูกตีกรอบ และถ้าพิจารณาดาวพฤหัสเป็นเรื่องการศึกษาก็จะเกิดปัญหาเพราะเลือกเรียนแต่ในสิ่งที่ตนเองชอบเท่านั้น เมื่อเบื่อหน่ายหรือไม่สนุกในการเรียนก็จะเปลี่ยนไปหาสิ่งที่ชอบและสนุกกว่า
แต่ถ้าเป็นดาวศุกร์ในราศีสิงห์ก็จะเลือกความหมายของดาวพฤหัสเจ้าเรือนอริที่ว่า ปัญหาเกิดจากความมั่นใจและหยิ่งทะนงในความรู้ความสามารถของตน และจะยึดถือความคิดเห็นของตนเองอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นจะเห็นว่าตนุลัคน์เป็นส่วนสำคัญในการทำนายดวงชะตาที่เราต้องใช้เป็นตัวตัดสินชี้ขาดความหมายของดาวทั้งหมดในดวงชะตาทั้งหมด ไม่ควรนำความหมายดาวหรือเรือนมาใช้โดยขาดการพิจารณาตนุลัคน์นะครับ 

ดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งที่ดี

             ดาวอาทิตย์ในดวงชะตานั้นเราจะใช้พิจารณาด้านความทะเยอทะยาน,ความสำเร็จ,ความโดดเด่นหรือการเป็นผู้นำ ฯลฯ ดังนั้นเมื่อดาวอาทิตย์ในดวงชะตาได้ตำแหน่งเกษตรหรืออุจจึงเป็นดาวอาทิตย์ที่โดดเด่นในความหมายที่กล่าวได้ชัดเจนที่สุด แต่ในบางครั้งจะเห็นว่าคนที่มีดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งเกษตรหรืออุจกลับไม่ได้ทำให้ดวงชะตาของผู้นั้นมีความสำเร็จหรือไม่ได้ทำให้เกิดความโดดเด่นเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเพราะดาวอาทิตย์ไม่ได้มีมุมสัมพันธ์กับตนุลัคน์หรืออาจจะมีมุมสัมพันธ์ในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ เช่นดาวอาทิตย์ไปอยู่เรือนด้านหน้าตนุลัคน์ หรือดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนอริ-วินาสน์ที่ได้ตำแหน่งเกษตร,อุจแล้วกุมตนุลัคน์ ซึ่งกรณีนี้ก็อาจจะได้รับความสำเร็จเช่นกันแต่ถ้าควบคุมพลังงานของดาวอาทิตย์ได้ไม่ดีพอก็จะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ตนเองด้วยเช่นกัน กรณีนี้จะเกิดผลเสียกับคนลัคนาราศีกันย์ที่ดาวพุธตนุลัคน์กุมดาวอาทิตย์ในราศีสิงห์ และผู้มีลัคนาราศีมีนที่ดาวพฤหัสตนุลัคน์กุมดาวอาทิตย์ในราศีสิงห์
ถ้าดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะที่ได้ตำแหน่งเกษตร-อุจแล้วกุมตนุลัคน์ ก็จะเกิดผลแห่งความสำเร็จหรือตนเองมีความโดดเด่นหรือเพิ่มกำลังในเรื่องของความทะเยอทะยานได้เช่นกัน แต่จะต้องเกี่ยวข้องในความหมายการเป็นเจ้าเรือนมรณะของดาวอาทิตย์ด้วย ซึ่งก็คือตนเองเคยมีความสำเร็จหรือเคยมีชื่อเสียงมาก่อนแล้วยังยึดติดในสิ่งนั้น หรือมีความสัมพันธ์ด้านการงานกับชาวต่างชาติที่มีหน้าที่การงานตำแหน่งสูง หรือสัมพันธ์กับผู้ที่เคยมีความสำเร็จหรือเคยมีชื่อเสียงเช่นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณอายุ(ทั้งเกษียนโดยปกติหรือเกษียนก่อนเวลา) กรณีนี้จะเป็นคนที่มีลัคนาราศีมังกรที่ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะกุมดาวเสาร์ ดาวเสาร์ตนุลัคน์ที่กุมดาวอาทิตย์จะเกิดพฤติกรรมในการดิ้นรนขวนขวายด้วยความทะเยอทะยานในแบบเห็นแก่ตัวหรืออาจเป็นในแบบของการอิจฉาริษยา และเมื่อเกิดความสำเร็จหรือมีชื่อเสียงก็จะทำให้เกิดการยึดติดและหวงแหน และการกุมกันของดาวทั้งสองนี้ยังต้องดูธาตุของราศีอีกด้วยเพราะธาตุในแต่ละราศีจะทำให้ดาวเสาร์เกิดพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป และความหมายเรือนจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าการกระทำของดาวเสาร์จะส่งผลไปในลักษณะใด เช่นถ้ากุมกันในเรือนอริก็จะเป็นทำให้การกระทำของดาวเสาร์กุมดาวอาทิตย์นี้เกิดเป็นปัญหาตามมาในภายหลัง และถ้าหากดาวพุธเจ้าเรือนอริไปสถิรราศีธาตุไฟก็จะเป็นการบอกเตือนว่าการกระทำของดาวเสาร์ในเรือนอรินั้นจะก่อปัญหาที่รุนแรงตามมา หรือถ้าดาวพุธไปสถิตราศีธาตุดินก็จะเป็นปัญหาที่สะสมรอวันแตกหักในวันใดวันหนึ่ง
(ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะกุมตนุลัคน์จะให้ผลที่ไม่เหมือนกับการที่ดาวอาทิตย์กุมตนุลัคน์ในเรือนมรณะ เพราะการที่ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนอื่แล้วกุมตนุลัคน์ในเรือนมรณะนั้น จะต้องนำความหมายเจ้าเรือนเดิมของดาวอาทิตย์มาเป็นส่วนประกอบในการออกคำทำนายด้วย)

กรณีที่ดาวตนุลัคน์สถิตเรือนก่อนหน้าของดาวอาทิตย์(ตนุเบียนดาวอาทิตย์) เช่นดาวอาทิตย์สถิตราศีสิงห์(เกษตร)แล้วมีตนุลัคน์สถิตราศีกรกฎ หรือดาวอาทิตย์สถิตราศีเมษ(อุจ)แล้วมีตนุลัคน์สถิตราศีมีน ในลักษณะนี้จะทำให้เจ้าชะตาเป็นเพียงการได้ติดตามใกล้ชิดหรือเป็นผู้ดูแลหรือได้ร่วมงานกับคนที่มีความสำเร็จ-มีชื่อเสียงหน้าตา เช่นเป็นเลขาฯคนสนิทของผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์หรือเป็นเลขาฯผู้บริหารระดับสูง , เป็นช่างแต่งหน้าดารา-นักแสดง , เป็นผู้จัดการส่วนตัวของดารา-นักร้องที่มีชื่อเสียง ฯลฯ เพราะธาตุน้ำของราศีเป็นส่วนทำให้ตนุลัคน์เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ ดังนั้นดาวอาทิตย์ที่มีตำแหน่งดีในดวงชะตาจึงอาจไม่ได้ส่งผลให้เจ้าชะตามีชื่อเสียงหน้าตาหรือไม่ได้ทำให้เกิดความสำเร็จโดยตรงต่อตนเอง

ทุกครั้งในการพิจารณาดวงชะตาควรต้องดูพฤติกรรมของตนุลัคน์เป็นสำคัญ ถ้าหากไปดูแค่ดาวที่ได้ตำแหน่งแล้วนำมาใช้ทำนายโดยทันทีก็จะเกิดความผิดพลาดได้ อย่างดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งเกษตร-อุจที่นำมาอธิบายนี้ถ้าหากตนุลัคน์เป็นดาวที่ไม่มีความกระตือรือร้นก็จะทำให้ดาวอาทิตย์กลายเป็นแรงกดดันต่อตนเองได้เช่นกัน และในการอธิบายนี้ยังสามารถนำไปใช้พิจารณากับดาวทุกๆดวงที่ได้ตำแหน่งมาตรฐานว่าส่งผลให้ดวงชะตาเกิดผลดีตามความหมายดาวนั้นๆหรือไม่ ขอให้ท่านนำไปพิจารณาให้เกิดประโยชน์กับการศึกษาโหราศาสตร์นะครับ 

อ.ทนัญ โหราศาสตร์ไทย ระบบธาตุ