บทนำ

บทนำ

โหราศาสตร์ไทยมีอยู่คู่เมืองไทยมาเป็นเวลานาน   และก็มีการสอนอยู่ด้วยกันหลากหลายสำนักโดยมีครูอาจารย์ผู้ทรงความรู้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ให้กับคน...

15 กันยายน 2563

ราศีต้นธาตุ กลางธาตุ ปลายธาตุ

             จนถึงณ.ปัจจุบันก็ยังเห็นการสอนให้มือใหม่หัดท่องจำแบบผิดๆกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ก็คงเพราะว่าเหล่าอาจารย์ทั้งหลายถูกสอนมาอย่างนี้ก็เลยต้องดำเนินรอยตามๆกันไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การที่เหล่าอาจารย์ทั้งหลายไม่หันมาสอนให้รู้จักการทำความเข้าใจในรายละเอียด ตามสภาพความเป็นจริงของดวงดาวและธาตุ ก็เพราะตนเองยังไม่เข้าใจแล้วจะไปสอนใครได้ล่ะ ผมพูดอย่างนี้ก็จะต้องมีคนที่เห็นแย้งว่า ระบบเค้าสอนกันมาแต่ไหนแต่ไรก็ควรที่จะต้องรักษาและสืบทอดเอาไว้อย่างนี้ ซึ่งผมก็ไม่เถียงหรอกที่จะทำการสืบทอดโหราศาสตร์ของไทย แต่อยากให้ลองหันมาสอนลูกศิษย์ลูกหาให้รู้จักการอ่านดวงชะตาด้วยดาวให้มากกว่าเรือนก็จะดีไม่น้อย แล้วค่อยๆสอนให้รู้จักว่าธาตุของแต่ละราศีมีความสำคัญกับดาวในด้านใด การที่ต้องทำความเข้าใจในความหมายดาวก็เพราะดาวนั้นจะเป็นตัวดำเนินเรื่องหรือเป็นตัวแสดง และหมายถึงนิสัยในบุคคลที่บ่งบอกด้วยดาว ส่วนธาตุราศีจะเป็นตัวที่ทำให้ดาวแสดงนิสัยของตนออกมาเป็นพฤติกรรม และดาวจะแสดงพฤติกรรมไปตามเนื้อเรื่องของความหมายเรือนในดวงชะตา

อาจารย์ที่ไม่ยอมพัฒนาชอบสอนง่ายๆในยามที่เห็นดาวเจ้าเรือนได้ตำแหน่งต่างๆเช่น เกษตร อุจ ฯลฯ ว่าเรือนนั้นๆได้ตำแหน่งตามไปด้วย ในความเป็นจริงแล้วเรือนจะไม่มีตำแหน่ง ไม่มีองศาจึงไม่มีนวางค์ มีเพียงดาวเท่านั้นที่จะมีสิ่งเหล่านี้ จึงอยากขอร้องท่านที่จะเป็นอาจารย์สอนลูกศิษย์ทั้งหลายว่าควรเปิดใจให้กว้าง แล้วปรับการสอนเสียใหม่จะดีกว่า อย่าทำให้รุ่นต่อๆไปต้องเจอการสอนที่ผิดๆสืบทอดต่อๆกันไปอีกเลย

และเพิ่งได้อ่านบทความของอาจารย์ท่านหนึ่งที่กล่าวถึงเรื่องการจัดลำดับธาตุในแต่ละราศี โดยส่วนมากเราจะเคยอ่านหรือได้รับการสอนมาว่าธาตุของแต่ละราศีมี 3 ระดับ คือ ต้นธาตุ กลางธาตุ และปลายธาตุ ในการแบ่งระดับชั้นที่สอนๆกันมาจะหมายถึงปริมาณหรือความเข้มข้นของธาตุประจำราศีนั้นๆ ซึ่งผมบอกตรงๆว่าเป็นการเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะอันที่จริงนั้นระดับธาตุของแต่ละราศีจะถูกแบ่งแยกด้วยดาวเจ้าราศี(หรือดาวเกษตรประจำราศีนั้นๆ) ยกตัวอย่างเช่นราศีธาตุไฟที่ให้ราศีเมษเป็นต้นธาตุก็เพราะมีดาวอังคารเป็นเจ้าเรือน จึงเป็นไฟที่ผสมการต่อสู้,การแข่งขัน,การไม่ยอมแพ้,อารมณ์โทสะ ฯลฯ ส่วนราศีสิงห์ที่ให้เป็นธาตุไฟระดับกลางธาตุก็เพราะความหมายของดาวอาทิตย์เจ้าเรือนราศีสิงห์ ดาวอาทิตย์มีความหมายของชื่อเสียงเกียรติยศ,หน้าตา,ความสำเร็จ,ความทะเยอทะยาน ฯลฯ ทำให้ดาวที่ไปสถิตราศีสิงห์จะได้รับธาตุไฟทำให้มีพฤติกรรมที่รวดเร็วรุนแรงแต่จะมีศักดิ์ศรีหรือมีชื่อเสียงเกียรติยศค้ำคออยู่ จะทำอะไรก็มักจะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านั้นจึงทำให้เกิดการลดทอนความแรงของไฟให้น้อยลงกว่าราศีเมษก็เพราะพฤติกรรม ไม่ใช่ปริมาณของธาตุไฟแต่อย่างใด ส่วนราศีธนูที่เป็นธาตุไฟปลายธาตุก็เพราะราศีนี้มีดาวพฤหัสเป็นเจ้าราศี ดาวพฤหัสมีความหมายในเรื่องของสติปัญญา,การศึกษา,ผู้ใหญ่,วัฒนธรรมประเพณี,ศาสนา ฯลฯ เมื่อดาวมาสถิตราศีธนูก็ทำให้เกิดพฤติกรรมที่รวดเร็วรุนแรงตามธาตุไฟ แต่จะมีสติปัญญายั้งคิด,มีผู้ใหญ่ควบคุม,รู้จักกติกาและมารยาท ฯลฯ ทำให้ธาตุไฟจากราศีธนูส่งผลด้านพฤติกรรมที่ลดทอนลงด้วยเหตุผลเช่นนี้ ไม่ใช่ปริมาณของธาตุที่ลดน้อยลงแต่อย่างใด ถ้าจะเปรียบระหว่าราศีเมษกับราศีธนูก็เหมือนคนที่มีความกล้าเท่ากันแต่สติปัญญาที่ต่างกันด้วยสาเหตุแห่งดาวเจ้าราศีนั่นเอง

เมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็หวังว่าผู้อ่านน่าจะพอเข้าใจความแตกต่างในระดับธาตุอื่นๆของแต่ละราศี อย่าไปคิดในเรื่องปริมาณธาตุเป็นอันขาดจะทำให้การทำนายผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอนครับ

ในคราวหน้าจะมาบ่นในเรื่องของการแบ่งราศีเป็นเรื่องพฤติกรรมใน 3 ระดับคือ จรราศี สถิรราศี และอุภัยราศี ว่าที่จริงแล้วเรื่องทำนองนี้ใช้ได้จริงหรือไม่ในการนำมาทำนายดวงชะตา 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ.ทนัญ โหราศาสตร์ไทย ระบบธาตุ